posttoday

ผลของการวิจารณ์สงคราม เศรษฐีรัสเซียถูกบังคับให้ขายหุ้นบริษัทด้วยมูลค่าติดดิน

02 พฤษภาคม 2565

นักธุรกิจชาวรัสเซีย โอเล็ก ตินคอฟ (Oleg Tinkov) ให้สัมภาษณ์กับ New York Times เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่โพสต์อื้อฉาวบนหน้าเพจของเขาบนโซเชียลเน็ตเวิร์กถูกแบนในรัสเซีย ซึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของทางการรัสเซียในยูเครนโดยบอกว่า ชาวรัสเซีย 90% ไม่เห็นด้วยกับสงคราม

เมื่อวันที่ 19 เมษายน โอเล็ก ตินคอฟ ในโพสต์ Instagram ว่า 90% ของชาวรัสเซียไม่เห็นด้วยกับสงครามและเจ้าหน้าที่เครมลินต้องช็อคว่าพวกเขาจะไม่สามารถใช้เวลาช่วงฤดูร้อนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้อีกต่อไป (จากการถูกคว่ำบาตร) เขาบอกว่า “ผมไม่เห็นผู้ได้รับผลประโยชน์แม้แต่คนเดียวจากสงครามบ้าๆ นี้” 

มีรายงานว่าวันรุ่งขึ้นหลังจากการเผยแพร่โพสต์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อฝ่ายบริหารของ Tinkoff Bank และขู่ว่าจะโอนกิจการของธนาคารมาเป็นของรัฐหากโอเล็ก ตินคอฟ ไม่ยอมขายหุ้นของบริษัท เป็นผลให้กลุ่ม Interros ของวลาดิมีร์ ปโปตานิน ซื้อหุ้น 35% ใน TCS Group Holding จากครอบครัวของโอเล็ก ตินคอฟ

โปตานินเป็นมหาเศรษฐีที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยในเดือนมกราคม 2018 โปตานินปรากฏใน "รายชื่อปูติน" (Putin list) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งมี 210 บุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับปูติน

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ตินคอฟเขียนว่า “ตอนนี้เป็นเวลาเกษียณและดูแลสุขภาพและครอบครัวของคุณแล้ง” ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีลับลมคมในอะไร และตินคอฟเองส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งเขากำลังรับการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ต่อมาในวันที่ 2 พฤษภาคม โอเล็ก ตินคอฟ ซึ่งถูกบังคับให้ขายหุ้นแบบซึ่งๆ หน้าและไม่มีทางเลือก ก็เปิดใจกับ New York Times และเขาเรียกดีลนี้ว่า "การขายที่สิ้นหวัง การขายลดราคา" เขาบอกว่า "ผมไม่สามารถคุยเรื่องราคาได้ นี่คือสภาพของตัวประกันชัดๆ - คุณรับสิ่งที่เสนอให้คุณโดยไม่ต้องเจรจา"

เขากล่าวว่าเขาได้รับเพียง 3% ของมูลค่าตลาดของหุ้นของเขา และบอกว่า “พวกเขาบังคับให้ผมขายมันเพราะคำแถลงของผม ต้องขายมันได้เงินแค่สตางค์เดียวเท่านั้น" (หมายถึงน้อยมากๆ)

ทั้งนี้  Tinkoff Bank เป็นพาณิชย์ของรัสเซียและธนาคารออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของจำนวนลูกค้า แต่หลังจากที่โอเล็ก ตินคอฟโพสต์ข้อความดังกล่าวทางธนาคารก็ตีตัวออกห่างโดยแถลงว่าโอเล็ก ตินคอฟไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทของกลุ่มบริษัท Tinkoff มาหลายปีแล้ว และทางบริษัทยังตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์ด้วย

แถลงการรณ์ของธนาคารเมื่อช่วงก่อนปลายเดือนเมษายนระบุว่า “โอเล็ก ตินคอฟไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจในบริษัทของกลุ่ม Tinkoff มาหลายปีแล้ว เขาไม่ใช่พนักงานของ Tinkoff เขาไม่ได้อยู่ที่รัสเซียมาเป็นเวลานานและต้องดูแลปัญหาสุขภาพของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” หลังจากประกาศเปลี่ยนแบรนด์แล้วแถลงการณ์ยังบอกด้วยว่า "เราขออวยพรให้โอเล็ก ตินคอฟโชคดีและฟื้นตัวโดยเร็ว"

แต่หลังจากนั้น โอเล็ก ตินคอฟก็ออกมาเปิดเผยว่าเขาถูกบับบังคับให้ขายหุ้นในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา 

Photo - REUTERS/Maxim Shemetov/File Photo