posttoday

ยอดมนุษย์ทำมาหมดแล้ว ตั้งแต่สไนเปอร์หน่วยซีล ดร.ฮาร์วาร์ด ถึงมนุษย์อวกาศนาซา

29 เมษายน 2565

“แต่ถ้าใครคิดว่าความสำเร็จเหล่านี้ได้มาง่ายๆ ลองคิดใหม่นะ” นี่คือคำพูดของหนุ่มเชื้อสายเกาหลีโปรไฟล์ขั้นเทพคนนี้

การเป็นมือสไนเปอร์ของซีลอย่างเดียวคงจะไม่ท้าทายพอสำหรับ จอนนี คิม หนุ่มสายเลือดเอเชียคนนี้จึงเรียนต่อแพทย์โดยคว้าดีกรีด็อกเตอร์จากฮาร์วาร์ด และต่อด้วยการเป็นนักบินอวกาศของนาซาที่กำลังจะได้ไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง หรืออาจไปถึงดาวอังคาร โดยทั้งหมดนี้เขาทำได้ภายในวัยเพียง 37 ปีเท่านั้น

และบอกเลยว่าคิมเป็นตัวท็อปในทุกสายงานของเขา

คิมเกิดที่ลอสแองเจลิสในครอบครัวผู้อพยพชาวเกาหลีใต้ที่ต้องการมาแสวงหาชีวิตที่ดีในสหรัฐในช่วงทศวรรษ 1980 เขาเล่าไว้ในวารสาร Harvard Gazette ว่าตัวเองเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจและไม่ค่อยมีเพื่อน

“ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ผมเรียนได้ดีแต่เรื่องอื่นไม่เอาไหนเลย ผมกลัวการเข้าสังคม กลัวการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น การเข้าสังคมช่วงมัธยมปลายถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่เลย”

คิมเล่าว่าเขาไม่มีเป้าหมายชีวิตจนกระทั่งอายุ 16 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักหน่วยซีล มันจุดประกายให้เข้านับตั้งแต่นั้นมา คิมพยายามออกกำลังกายและฟิตหุ่นเพื่อเตรียมพร้อม และสมัครเข้ากองทัพเรือสหรัฐทันทีที่จบชั้นมัธยมปลายในแซนตามอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย แม้ว่าตอนนั้นแม่จะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่เขามองว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต

คิมเข้ารับการฝึกหลักสูตรพิเศษเนวีซีลเป็นเวลา 2 ปี โดยในระหว่าง “สัปดาห์นรก” ที่ถูกเคี่ยวกรำสุดโหดแทบไม่มีเวลาพักหายใจนั้นคิมเกือบถอดใจแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้จนได้เข้าไปเป็นสมาชิกซีลทีม 3

ระหว่างรับราชการทหารคิมผ่านปฏิบัติการมากกว่า 100 ครั้งในตะวันออกกลาง รับหน้าที่ทั้งเสนารักษ์หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ผู้นำทาง ผู้ชี้เป้า มือสไนเปอร์ ทำให้เขาได้ทั้งเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Bronze Star

คิมมีผลงานโดดเด่นในระดับที่สำนักพิมพ์ The Navy Times ยกย่องให้อยู่ในท็อป 10 “สุดยอดทหารเรือแห่งประวัติศาสตร์อเมริกัน” เคียงข้างกับชื่อของนีล อาร์มสตรอง และจอห์น เอฟ. เคนเนดี

ต่อมาคิมตัดสินใจกลับไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแซนดิเอโกและคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาได้ในปี 2012 โดยใช้เวลาเพียง 3 ปี ต่อด้วยศึกษาต่อในสาขาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและคว้าดีกรีด็อกเตอร์ในปี 2016

แรงบันดาลใจในการเป็นหมอของคิมมาจากประสบการณ์การรบในอิรัก ปี 2006 ที่คิมรับหน้าที่เสนารักษ์ในกองทัพ เพื่อนสนิทของเขาถูกยิง 2 คนโดยคิมรักษาหนึ่งในนั้นที่มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า แม้จะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถแล้วแต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่รอด

“การช่วยคนอื่นไม่ได้เป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุด” คิมเล่า “ผมทำได้แค่เช็คดูว่าเลือดไม่ไหลไปขัดขวางทางเดินหายใจ ดูว่าเขาอยู่ในท่าที่ถูกต้อง เขาต้องการศัลยแพทย์ เขาต้องการแพทย์ และผมก็หาให้เขาได้คนหนึ่ง แต่...การที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มันฝังอยู่ในใจผม”

ระหว่างเรียนที่ฮาร์วาร์ด คิมได้รู้จักกับอีกหนึ่งอาชีพนั่นก็คือ นักบินอวกาศ หลังจากได้พบกับ สกอตต์ อี. พาราซินสกี ซึ่งเป็นทั้งนักบินอวกาศของนาซาและแพทย์ ในวันที่พาราซินสกีเข้ามาฝึกอบรมแพทย์ฉุกเฉินที่ฮาร์วาร์ด

“เขาเปิดโลกนาซาให้กับผม มันเป็นอะไรท้าทายและน่าทึ่งมาก ผมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ที่อาจไม่มั่นใจในตัวเองแบบที่ผมเคยเป็น และกล้าที่จะเชื่อในความฝันที่ยิ่งใหญ่” คิมเล่า

ปี 2017 คิมตัดสินใจสมัครเป็นนักบินอวกาศ และได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 18,300 คน ให้เข้าฝึกอบรมในนาซากว่า 2 ปี กลายเป็นชาวเกาหลีเชื้อสายอเมริกันคนแรกๆ และชาวเกาหลี 100% คนแรกที่ได้เป็นนักบินอวกาศของนาซา โดยในช่วงที่มีการคัดเลือกนั้นคิมทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลในรัฐแมสซาชูเซตส์อยู่ด้วย

และในปี 2020 คิมคือ 1 ใน 13 นักบินที่นาซาเลือกให้เข้าโครงการอาร์เทมิสซึ่งมีเป้าหมายจะไปเยือนดวงจันทร์ในปี 2024 และอาจต่อยอดไปเยือนดาวอังคารด้วย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่ารู้สึกเหมือนฝันไปเลย

คิมให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2017 ว่าเขาอยากเป็นนักบินอวกาศเพราะเขา “เชื่อว่าภารกิจของนาซาในการก้าวข้ามพรมแดนด้านอวกาศของเราไปพร้อมๆ กับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ”

เส้นทางอาชีพของคิมฟังดูเหมือนง่าย แต่เจ้าตัวบอกว่า “แต่ถ้าใครคิดว่าความสำเร็จเหล่านี้ได้มาง่ายๆ ลองคิดใหม่นะ” และถ้าสามารถย้อนกลับไปบอกอะไรตัวเองในวัยเด็กได้คิมเผยว่าเขาจะพูดว่า “ทุกสิ่งที่มีค่าล้วนได้มาอย่างยากเย็น และทุกๆ ความผิดพลาดคือโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุง”

ช่างน่าทึ่งจริงๆ ที่คนคนเดียวกันเป็นได้ทั้ง 3 อาชีพ แม้แต่เพื่อนๆ ยังออกปากแซวว่าคงเหลือแค่ตำแหน่ง “ประธานาธิบดี” เท่านั้นล่ะที่ “คนมีของ” อย่างคิมยังไม่ได้เป็น

ภาพ: NASAexplores 

ข่าวล่าสุด

ไทยแชมป์ภูมิภาค ใช้ AI เพื่อความยั่งยืน ลดต้นทุน-รับมือโลกรวน