posttoday

ถึงเวลาประเทศเล็ก 'ประกาศเอกราช' จากระเบียบโลกตะวันตก

07 มีนาคม 2565

บทความทัศนะ - การคว่ำบาตรรัสเซียแบบไม่ยั้งมืออาจทำลายรัสเซีย (ได้ระดับหนึ่ง) แต่มันจะทำลายโลกตะวันตกลงไปด้วย หรืออย่างน้อยมันจะสั่นคลอนระเบียบโลกที่ชี้นำโดย "พวกฝรั่ง"

หลายปีก่อน ตอนที่รัสเซียกับจีนร่วมกันผลักดัน "ระบบชำระเงินหยวน-รูเบิล" และปูตินประกาศลดการพึ่งพอเงินดอลลาร์ มีหลายคนวาดหวังไว้ว่ามันจะนำไปสู่จุดจบของเงินดอลลาร์ในฐานะมหาอำนาจสกุลเงินของโลก

แต่ "ระบบชำระเงินหยวน-รูเบิล" ไม่ได้มีเป้าหมายนั้นและการลดการพึ่งดอลลาร์ก็ไม่ได้หวังไปไกลกว่าการลดแรงกระแทกหากจีนหรือรัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวช่วยหากรัสเซียกับจีนถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมเศรษฐกิจโลกเท่านั้น โดยเฉพาะรัสเซียมีโอกาสสูงที่จะเจอแบบนั้นหลังการการรุกรานยูเครนครั้งแรก

เราจะเห็นว่าเมื่อโลกตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย สกุลเงินดอลลาร์เป็นที่ต้องการอย่างหนักในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูง ขณะที่หุ้นตก น้ำมันแพง เงินเฟ้อพุ่ง ดอลลาร์แข็งก็ปั๋งตามเกมส์ เป็นเงินสกุลเดียว (ในหมู่ประเทศคู่กรณี) แล้วกระมังที่แกร่งและแข็งไม่หยุดในช่วงสงครามยูเครน

ความต้องเงินดอลลาร์ก็มีสูงในรัสเซียด้วยเหตุผลด้วยกัน มันสะท้อนให้เห็นว่า "ทฤษฎีรัสเซีย-จีนสมคบกันโค่นดอลลาร์" ไม่เป็นความจริง เพราะ "มันเป็นไปไม่ได้" อย่างน้อยก็ในชั่วชีวิตของเรา

ดอลลาร์มีสถานะดั่งทอง แม้มันจะถูกเฟดปั๊มออกมาได้ไม่มีที่สุดก็ตาม แต่เพราะความน่าเชื่อถือของมันมีสูงมาก ทำให้โค่นแทบไม่ได้ เพราะรากฐานทั้งหมดทั้งมวลของโลกการเงินนั้นขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อถือและความเชื่อมั่น"

เป้าหมายของ "ระบบชำระเงินหยวน-รูเบิล" จึงเป็นแค่ฟูกช่วยรองรับรัสเซียในกรณีที่ "ถูกปิดล้อมทางการเงิน" เหมือนในเวลานี้ ซึ่งรัสเซียและจีนมองเกมออกมาหลายปีแล้ว ทั้งสองประเทศจีนจึงเตรียมการหาทางออกเอาไว้ เผื่อถูกตัดขาดจากระบบชำระเงินโลก

ซึ่งมันเป็นแบบบนั้นจริงๆ ในตอนนี้!

ดังที่ปรากฏในบทความของ Global Times (สื่อทางการจีน) Sputnik (สื่อในอาณัติทางการรัสเซีย) เมื่อปี 2018 ว่า "นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะมีความเสี่ยงในการพึ่งพาเงินดอลลาร์เพียงอย่างเดียว ด้วยอำนาจของเงินดอลลาร์ สหรัฐฯ อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศใดๆ ที่ตนต้องการได้ทุกเมื่อ แม้แต่บริษัทในสหรัฐฯ ก็ทำได้" (คำกล่าวของเฉินเฟิ่งอิง นักวิจัยจากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยของจีน)

เป็นคำพูดที่แม่นเหมือนตาเห็น แต่เอาเข้าจริงหากใครอยู่ในสถานะเดียวกับรัสเซียหรือจีนย่อมคาดเดาได้อยู่แล้ว เพราะในเวลาต่อมาจีนถูกสหรัฐทำสงครามการค้า และต่อมาตามด้วยการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่หนักที่สุดเท่าที่โลกเคยพบพานกันมา

รัสเซียกับจีนย่อมสะเทือน แต่ไม่ตื่นตกใจ ที่ไม่ตกใจเพราะเตรียมใจไว้แล้ว และยังเตรียมตัวเอาไว้นานหลายปีด้วย

แต่ที่ตื่นตระหนกคือประเทศเล็กประเทศน้อย

ประเทศเล็กๆ (หมายถึงประเทศที่ไม่ใช่มหาอำนาจยุโรป อเมริกา รัสเซีย และจีน) จับตามองการรุมสรัมรัสเซียด้วยความหวั่นใจ

ประเทศพวกนี้ไม่ได้สนับสนุนรัสเซียหรือเป็นปากเป็นเสียงให้ยูเครน คือประเทศที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับความขัดแย้ง แต่เมื่อเห็นว่าแม้แต่รัสเซียก็ยังถูกคว่ำบาตรแบบไม่มีที่ยืน ต่างกันหันมารำพึงกับตัวเองว่า "ถ้าเป็นเราโดนแบบนั้นบ้างจะเป็นอย่างไร?"

เสียงรำพึงนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวเน็ต เห็นได้ตามช่องคอมเมนต์ในข่าวยูเครน-รัสเซีย บางความเห็นมีบางคน (ที่เชื่อว่าเป็นอเมริกัน) มาท้วงว่า "หากประเทศของพวกคุณไม่ได้ไปรุกรานประเทศอื่นก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไร"

แต่ชาวเน็ตประเทศเล็กๆ ตอบว่า แม้จะไม่มีแสนยานุภาพไปย่ำยีใคร แต่หาก "คิดต่าง" จากชาติตะวันตกแล้ว ก็คงไม่แคล้วถูกคว่ำบาตรเหมือนกัน

ตัวอย่างเช่นอินเดียที่ถูกสหรัฐขู่คว่ำบาตรฐานไม่ประณามการรุกราน และปากีสถานถูกทูตชาติตะวันตกกดดันให้ประณามรัสเซีย

ปกติสองชาตินี้ไม่ถูกกัน แต่มาเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน ทำให้ง่ายที่จะเกิดความเห็นอกเห็นใจกัน เช่นเดียวกับอินเดียและจีน ที่ตอนนี้เกิดความรู้สึกเข้าอกเข้าใจกัน ทั้งๆที่เพิ่งจะรบกันเมื่อปีกลาย

ประเทศเหล่านี้เกิดความรู้สึกว่าหากยังไม่สามัคคีกันก็จะถูกพวกชาติใหญ่หาเรื่องบูลลี่เป็นแน่แท้ และหากยังพึ่งพาระบบการเงินและเศรษฐกิจของโลกตะวันตกมาเกินไป หากทำอะไรไม่ถูกใจพวกนั้น "พวกฝรั่ง" ก็จะกระทบให้จมดินเหมือนรัสเซียตอนนี้

รัสเซียนั้นเตรียมการมาหลายปี ยังสะเทือนเศรษฐกิจหนักกระทั้งเงินรูเบิลดิ่งเหว แล้วประเทศน้อยๆ จะไปเหลืออะไร?

ไม่ต้องอะไรมาก เอาแค่สหรัฐกับยุโรปดึงดันที่จะคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันโลกสูงเอาๆ อยู่แล้ว ย่อมแสดงว่าพวกนี้ไม่ได้สนอกสนใจใครเลยนอกจากเป้าหมายของตัวเอง

ความกังวลเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งให้พวกประเทศเล็กประเทศน้อยต้องหารือกันเพื่อเลี่ยงหรือลดการพึ่งพาดอลลาร์หรือระบบการเงินตะวันตก เพื่อรักษาอธิปไตยของตนเองจากการคุกคาของมหาอำนาจ

แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การเลิกใช้ดอลลาร์ แต่เป็นการหาทางเอาตัวรอดด้วยระบบอื่นนอกเหนือจากระบบที่กำหนดโดยโลกตะวันตก

ระบบทางเลือกเหล่านี้มีอยู่แล้ว เพียงแต่ใช้ในวงจำกัด เช่นระบบที่พัฒนาโดยรัสเซียและจีน ระบบเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อแทนที่ระบบที่อิงกับดอลลาร์ เพราะมันเป็นไปไม่ได้

แต่มันจะช่วยทำให้ท่อน้ำเลี้ยงเศรษฐกิจการเงินประคองตัวไปได้ หากพวกชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบไร้ปราณี

เป็นทางหนีทีไล่นั่นเอง

บางคนอาจจะถามเหมือนอเมริกันบางคนว่า ถ้าไม่ได้กร่างแบบรัสเซียจะต้องไปกลัวอะไร?

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่รัสเซียกร่างหรือไม่กร่าง แต่อยู่ที่ชาติตะวันตกอาจจะไปกร่างใส่ประเทศที่ทำไม่สบอารมณ์ตัวเองต่างหาก

ตอนนี้เหมือนโลกของเรากลับไปสู่ "สงครามเย็นครั้งใหม่" ไปครึ่งค่อนตัวแล้ว หลังจากนี้กดดันให้ให้เลือกข้างอาจจะหนักขึ้นแบบเดียวกับ "สงครามเย็นครั้ง" ก่อน

แต่ในช่วงสงครามเย็น จีนเสนอแนวทางที่ 3 หรือ "ทฤษฎีสามโลก" นอกจากโลกตะวันตก (หรือโลกเสรี) โลกหลังม่านเหล็ก (เครืออำนาจสหภาพโซเวียต) ยังมีทางเลือกที่ 3 หรือ "โลกที่ 3" คือกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

สงครามเย็นครั้งนั้น โลกที่ 3 หมายถึงประเทศเป็นกลางที่มีเศรษฐกิจต่ำกว่าระดับพัฒนา แต่ตอนนี้หลายประเทศมีเศรษฐกิจที่เติบโตพอสมควรแล้ว แต่ระดับการพึ่งพา "โลกที่ 1" ค่อนข้างสูงอันเป็นผลมาจาก "โลกาภิวัฒน์"

แต่การทำสงครามการค้ากับจีนและการคว่ำบาตรับรัสเซียแบบไม่ยั้งมือ เช่น การถอนจากระบบ SWIFT การถอนตัวของบริการบัตรเครดิต การโจมตีค่าเงินรูเบิล การตัดสินใจถอนตัวของบริษัทตะวันตกจากรัสซีย (หรือสั่งให้ถอนตัว?) ฯลฯ ทำให้ระบบโลกาภิวัฒน์เริ่มสั่นคลอน

พูดตรงๆ ก็คือโลกาภิวัฒน์กำลังจะจบสิ้นลงแล้ว เพราะชาติตะวันตกต้องการทำลายจีนกับรัสเซียจนไม่สนหลักการที่ตัวเองสร้างขึ้นมา พร้อมที่ระงับการใช้งาน "โลกาภิวัฒน์" ตราบเท่าที่จำเป็น

เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับจีนและรัสเซีย "โลกที่ 3" จึงควรหาทางลดจากการพึ่งพาระบบของตะวันตก จะไปใช้ระบบจีน หรือทำความตกลงสร้างระบบสว็อปทวิภาคีแบบจีน-รัสเซียก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

เพราะหากไม่กันทางเลือกไว้ แม้แต่ระบบที่ดูเหมือนจะปลอดภัยจากการเมืองอย่าง DeFi (การเงินไม่รวมศูนย์/คริปโต) เองก็อาจจะเป็นอาวุธทางการเมืองได้ เพราะหลังการคว่ำบาตรรัสเซีย บริการการเงิน DeFi ในอิหร่านและเวเนซุเอลาเข้าถึงแหล่งทุนดิจิทัลของตนไม่ได้เพราะถูกหางเลขไปด้วย

อย่าง OpenSea ตลาด NFTs ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปิดการเข้าถึงจากอิหร่าน ทำให้นักลงทุนถูกลอยแพจากสินทรัพย์ดิจิทัลของตน OpenSea บอกแค่ว่า “OpenSea บล็อกผู้ใช้และดินแดนในรายการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ”

นั่นหมายความว่ามือของรัฐบาลตะวันตกเอื้อมไปถึงอาณาจักร DeFi แล้ว โดยไม่ต้องรอให้ผ่านกฎหมายควบคุมหรือออกเงินดิจิทัลของธนาคารกลางมายันแต่อย่างใด

เราจะเห็นว่าเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (หรือ 7 วันก่อนการรุกรานยูเครน) กระทรวงการคลังรัสเซียเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายรับรองคริปโต แต่ธนาคารกลางรัสเซียคัดค้าน ซึ่งแบงก์ชาติรัสเซียมีท่าทีแบบนี้มานานแล้ว

นักวิเคราะห์ในตลาดคริปโตมองว่า กระทรวงการคลังรัสเซียเสนอเรื่องนี้อาจเพื่อหาทางใช้คริปโตเป็นตัวเลี่ยงการคว่ำบาตร และชี้ว่าข้อเสนอนี้เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่ารัสเซียจะบุกยูเครน

หากกูรูในตลาดคริปโตมองแบบนี้ ผู้เขียนอยากจะเสริมว่าการที่ธนาคารกลางรัสเซียต้านการใช้คริปโตอาจเพราะรู้เช่นเห็นชาติว่ามันไม่ได้ปลอดจากการแทรกแซงขนาดนั้น ตรงกันข้ามคริปโต/DeFi เป็นเครื่องมือสนองการคว่ำบาตรที่ดีด้วยซ้ำ เพราะสามารถสาวถึงหลักฐานธุรกรรมได้ง่ายกว่าการเงินแบบเดิม แถมยังถูกรัฐบาลบางแห่งใช้กฎหมายสั่งบล็อกการเข้าถึงได้ด้วย

ดังจะเห็นจาก OpenSea ที่แช่แข็งสินทรัพย์ดิจิทัลของอิหร่านในพลัน โดยไม่ให้ผู้ที่มี IP จากอิหร่านเข้าถึง

การคว่ำบาตรรัสเซียคราวนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจทางการเงินของชาติตะวันตกที่หนักหน่วงเหมือน "ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน" จริงๆ

จากกรณีนี้เราจะเห็นว่ากติกาโลกที่ชาติตะวันตกสร้างขึ้น ครอบงำโลกเอาไว้ขนาดไหน และเกิดคำถามว่าประเทศที่เรียกตัวเองว่ามีเอกราชและอธิปไตยนั้น มีเอกราชสักแค่ไหนยามอยู่ต่อหน้ามหาอำนาจโลกตะวันตก

ดังนั้น ความกังวลเรื่องระบบโลกเดิมจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และข้อเสนอระบบทางเลือกเป็นเรื่องจำเป็น

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างระเบียบโลกใหม่ เพราะด้วยกำลังของประเทศเล็กๆ ย่อมทำไม่ได้แม้จะประเทศเป็นส่วนใหญ่ของโลกก็ตาม

แต่เพื่อรักษาอธิปไตยของตนไม่ให้ถูกตะวันตกหรือแม้แต่จีนกับรัสเซียคุกคาม

ป.ล. มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโค่นระบบที่ผูกกับดอลลาร์ แต่เพราะระบบมันอิงกับความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นส่วนหนึ่งถูกบั่นทอนไปเพราะระบบดอลลาร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้แม้จะทราบกันดีมานานแล้ว แต่ภาพหายนะที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตากับรัสเซียทำให้หลายคนยิ่งปักใจเชื่อว่าระบบ/ระเบียบแบบเดิมมัน "ไม่แฟร์" และไม่ปลอดภัย

ยิ่งดุลอำนาจโลกกำลังพังทลาย โลกาภิวัฒน์ถูกทำลายย่อยยับ โลกที่สหรัฐหวังจะเป็นมหาอำนาจเดี่ยวๆ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว

ประเทศไทยเจ็บปวดมาแล้วกับการผูกตัวเองไว้กับระบบเดียว บางทีกรณีนี้จะน่าจะช่วยย้ำกับเราได้ว่าควรจะมีทางหนีทีไล่เอาไว้ ถ้าระดับผู้บริหารประเทศไม่กล้าทำเพราะกลัว "เสียดุลอำนาจ" กับประเทศใหญ่่ ประชาชนตัวเล็กๆ ก็ควรมองหาทางออกให้ตัวเองเอาไว้บ้าง 

โดย กรกิจ ดิษฐาน

REUTERS/Henry Nicholls/Pool

ข่าวล่าสุด

บวท. ยกระดับความพร้อมรับปีใหม่ 2569 คาดเที่ยวบินพุ่ง 2.7 หมื่นเที่ยว