posttoday

สมรภูมิที่แท้จริงคือสงครามเศรษฐกิจ โค่นล้ม 'รัสเซียของปูติน'

01 มีนาคม 2565

อย่ามองข้ามเป้าหมายที่แท้จริง ไม่ใช่แค่หยุดการรุกยูเครน แต่เพื่อทำลายปูตินและอาณาจักรของเขา

ขณะที่การรุกคืบเข้าสู่ยูเครนของรัสเซียเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่การโจมตีปูตินด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจมาแบบรัวๆ เหมือนกับการระดมยิงทำให้ราบเป็นหน้ากลองในสงครามจริงๆ

ฝรั่งเศสผู้เชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ ชี้ว่าการคว่ำบาตรรัสเซียด้วยการตัดจากระบบ SWIFT เอยและการอายัดทรัพย์สินพวกมหาเศรษฐีสมุนปูตินเอย ถือเป็น "ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน"

อีกสองวันต่อมาก็ทำตัวเป็นหมอดูด้วยการทำนายอีกว่า การคว่ำบาตรจะเป็นเหตุให้ "เศรษฐกิจรัสเซียล่มสลาย"

แม้ว่ามันจะฟังดูเว่อร์แต่ก็มีส่วนจริงไม่น้อย

เป้าหมายของชาติตะวันตกไม่ใช่รบใน "สงครามตามขนบ" เพราะรบไปก็สู้รัสเซียไม่ได้ (และยังไม่ใช่คู่กรณี) วิธีการที่ได้ผลที่สุดคือลุยในจุดที่เป็นจุดอ่อนของรัสเซียคือเรื่องการเงิน/เศรษฐกิจ

สงครามนี้คนตายน้อย แต่ทรมานทั้งประเทศ แม้แต่ตัวคนคว่ำบาตรก็จะกระอักไปด้วย ดังรัฐบาลอังกฤษปลอบภาคธุรกิจตัวเองว่า "ต้องเจ็บกันบ้าง"

อย่างที่เคยเขียนไว้ว่าคว่ำบาตรรัสเซียก็เหมือนยุโรปยิงปืนใส่เท้าตัวเอง

แต่คราวนี้ไม่เหมือนการยิงเท้าตัวเอง อุปมาอุปมัยที่เหมือนมากกว่าคือเหมือนรัสเซียล็อคคอยุโรปเป็นตัวประกัน แต่ในพริบตานั้นยุโรปยื้อปืนรัสเซียมายิงตัวเอง

กระสุนไม่ถูกที่สำคัญของยุโรป แต่มันโดนกล่องดวงใจของรัสเซียแบบเต็มๆ

กล่องดวงใจของรัสเซีย (หรือปูติน) ก็คือ "งบเอาไว้ทำสงคราม"

งบสงครามก้อนนี้ก็คือทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียที่สูงถึง 660,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกรองจาก จีน (1) ญี่ปุ่น (2) และสวิตเซอร์แลนด์ (3)

หลังจากสหภาพโซเวียตลามสลายนั้นรัสเซียกระเป๋าแฟบแทบไม่เหลืออะไร เงินเฟ้อก็พุ่งพรวดจนซื้อของแต่ละทีต้องจ่ายเงินกันตาเหลือก

แต่พอปูตินมาบริหารประเทศเงินเฟ้อก็ถูกปราบ ทุนสำรองที่เตี้ยติดดินก็พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ จากประเทศที่แทบไม่มีมันเลย กลายเป็นประเทศที่มีมันมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ทุนสำรองนี้มีเอาไว้ค้ำชูเศรษฐกิจเวลาที่ค่าเงินอ่อนลง ธนาคารกลางก็จะเอามันมาระบายเพื่อไม่ให้ค่าเงินอ่อน เพราะอ่อนเมื่อไรทุนจะไหลออก เงินเฟ้อจะพุ่งพรวด เงินออมของประชาชนจะไร้ค่า

"พวกฝรั่งตะวันตก" รู้วิธีทำสงครามการเงินเป็นอย่างดี ซึ่งคนไทยก็น่าจะซาบซึ้งเรื่องนี้เพราะเจอมากับตัวแล้ว ดังนั้น เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีใช้จุดแข็งที่สุดของตัวเองสู้กับจุดอ่อนที่สุดของคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า

พวกนี้ต้องบั่นทอนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงสงครามของปูตินก่อน คือทุนสำรองระหว่างประเทศ และด้วยความที่ทุนสำรองของรัสเซียแม้จะสูงมาก แต่ครึ่งหนึ่งอยู่ในต่างประเทศ คือประมาณ 300,000 ล้าน

เพื่อที่จะปิดทางไม่ให้รัสเซียเข้าถึงเงินส่วนนี้ พวกตะวันตกจึงตัดรัสเซียออกจาก SWIFT เสียเลย เพื่อไม่ให้เข้าถึงทุนสำรองที่อยู่นอกประเทศและเพื่อตัดช่องทางรับเงินจากการค้าขายต่างๆ ไปด้วย

ไม่ใช่ว่าตัดจาก SWIFT แล้วรัสเซียจะเข้าถึงเงินตัวเองไม่ได้ แต่มันจะเข้าถึงยากขึ้นและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น

และเพื่อให้มันยากขึ้นไปอีก สหรัฐประกาศอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียเสียที่ถือไว้ในสหรัฐซ้ำเข้าไปอีก

แต่ผลที่สำคัญกว่าคือผลด้านจิตวิทยา มันทำให้ค่าเงินรูเบิลร่วงหนักลงกว่าเดิม จากที่ร่วงหนักอยู่แล้วจากมาตรการคว่ำบาตร บีบให้ธนาคารกลางรัสเซียต้องกู้ค่าเงินด้วยการระบายทุนสำรองออกมาก

ยิ่งรูเบิลร่วง แผนการรบนี้ยิ่งได้ผล แต่รัสเซียก็แก้เกมส์ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยจาก 9.50% มาเป็น 20% ในพลัน เพื่อทำให้รูเบิลน่ายั่วยวนในสายตานักลงทุนอีกครั้ง เพราะดอกเบี้ยที่สูงปรี๊ด ทำให้เงินไม่ไหลออก และเงินนอกยังไหลเข้ามา - หากนักลงทุนนอกยังไม่กลัวว่าการลงทุนในรัสเซียจะไม่ทำให้พวกเขาถูกลูกหลงไปด้วย

แต่สงครามมันมี Collateral damage (อุบัติเหตุจากการทำสงคราม) ทั้งการรบด้วยกระสุนและการรบด้วยเงิน ชาติตะวันตกจะยิงกระสุนการเงินที่แรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ "พลเรือน" หรือนักลงทุนจะโดนหางเลขจนล้มตายไปก็ไม่แคร์

ดังที่อังกฤษบอกไปแล้วว่าโดนลูกลงไปด้วยก็ให้เตรียมใจไว้

นักลงทุนที่ยังกล้าเสี่ยงกับรัสเซียจะถูกชาติตะวันตกขู่ให้กลัวด้วยมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมอีก จะบีบไปเรื่อยๆ จนไม่ใครกล้าเอาเงินไปรัสเซีย เพราะได้ไม่คุ้มเสีย

แม้แต่สื่อตะวันตกก็ยังยุไม่หยุดว่าใครลงทุนมีหุ้นบริษัทรัสเซีย "จงขายทิ้งซะ" เพราะมันทำธุรกรรมลำบากและยังไม่รู้วันหน้าจะเจอกระสุนสงครามการเงินอะไรอีก

แค่ในตอนที่เขียนบทความนี้ สื่อตะวันตกยังเช็คกันวันละหลายรอบว่ามีบริษัทไหนบ้างที่มี Exposure หรือโยงใยกับรัสเซียจนเสี่ยงจะถูกลากลงนรกไปด้วย - ราวกับต้องการเตือนว่าตอนนี้สลัดตัวจากรัสเซียก็ยังไม่สาย

โดยเฉพาะพวกที่คบกับ "Russian oligarch" หรือ "คณาธิปไตยรัสเซีย"

ต้องใช้คำเหมือนเลิศหรูเข้าใจยากแบบนี้เพราะคนส่วนใหญ่เขาใช้กันแบบนี้จริงๆ พูดภาษชาวบ้านคือ "มหาเศรษฐีที่เป็นสมุน/สมัครพรรคพวกของปูติน"

พวกนี้กุมธุรกิจ/รัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ ที่เป็นแหล่งเงินของรัฐบาลรัสเซีย เป็นกลุ่มที่ค้ำยันบัลลังก์ของปูตินเอาไว้เพราะต่างก็ตอบแทนกันด้วยผลประโยชน์

การอายัดทรัพย์สินของพวก Russian oligarch และไล่ล่าเส้นทางการเงินของคนพวกนี้จะช่วยให้ตะวันตกบั่นทอน "เศรษฐกิจของปูติน" ไปได้มาก ซึ่งการทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เช่น สหรัฐสั่งอายัดทรัพย์สินของ Russian Direct Investment Fund ของมหาเศรษฐีที่สนิทสนมกับปูติน

นี่มันไม่ยาก แค่ใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งการไปก็เรียบร้อย

แต่เรื่องที่ซับซ้อนกว่าคือธุรกิจใหญ่ๆ ในตะวันตกโยงกับพวกนี้อยู่พอสมควร หากเล่นงานกลุ่มนี้ธุรกิจในยุโรปก็จะกระทบไปด้วย

โดยเฉพาะ Russian oligarch กลุ่มที่กุมอุตสาหกรรมพลังงานเอาไว้ หากไปเล่นงานมากๆ เข้ายุโรปอาจไม่ได้แก๊สมาใช้ แล้วไฟจะดับ นอนหนาวกันครึ่งค่อนทวีป

มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจึงมาในรูปตีฆ้องร้องป่าวว่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ปรากฏว่าพอลงรายละเอียดกลับยังไม่เรียบร้อย เช่น จะตัดธนาคารจากรัสเซีย "บางแห่ง" จาก SWIFT แต่ยังไม่มีรายชื่อออกมาในทันทีว่ามีธนาคารไหนบ้าง บอกว่าแค่ว่า "ยังอยู่ระหว่างการสรุปกันอยู่" จนกระทั่งรายชื่อค่อยออกมาในอีก 3 วันต่อมา

พอประกาศแล้วในค่ำวันที่ 3 นั้น ก็ยังไม่ยอมบี้รัสซียให้จนมุมอีกโดยสหภาพยุโรปตกลงที่จะยกเว้นธนาคารรัสเซีย "บางธนาคาร" ไม่ให้ถูกแบนจากระบบ SWIFT

มันย้ำความจริงถึงข่าวที่ได้ยินมาว่าในโลกตะวันตกก็เสียงแตกกันเรื่องคว่ำบาตรรัสเซียโดยเฉพาะการแบนจาก SWIFT เพราะบางประเทศกลัวตัวเองจะโดนหางเลขไปด้วย

เพราะหากไปแบนผิดที่ผิดทางเข้าตัวเองจะตายไปด้วย เหมือนอุปมาเรื่องยิงปืนใส่ตัวเองเพื่อฆ่ารัสเซีย แม้จะยิงถูกกล่องดวงใจรัสซีย แต่กระสุนไปโดนเส้นเลือดใหญ่ของยุโรปไปด้วย

ดังนั้น พวกตะวันตกก็เตะถ่วงเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ากล้าใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางการเงินแล้ว จะนั่งตีขิมเหมือนขงเบ้งไปเรื่อยๆ ได้

อันที่จริงขงเบ้งที่นั่งตีขิมดูเหมือนสบายใจนั้น ก็ซ่อนอาการน่าเป็นห่วงเหมือนกัน

ป.ล.

ขณะที่ชาติตะวันตกระดมยิงรัสเซียรัวๆ ด้วยกระสุนสงครามการเงิน รัสเซียกลับตอบโต้น้อยมากหรือช้าเสียจนผิดปกติ - มันน่าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับรัสเซีย หรือจะให้ถูกก็คือรัสเซียกำลังคิดทำอะไร?

นี่เหมือนไม่ใช่วิสัยของรัสเซีย หากจำกันได้ก่อนที่การรุกรานจะเริ่มขึ้นนั้น ชาติตะวันตกปล่อยข่าวเป็นรายวันนานนับเดือนว่ารัสเซียจะบุกวันนี้วันนั้น รัสเซียก็บลั๊ฟด้วยทำเรื่องตรงกันข้าม การปลั๊ฟนี้ทำแบบทันที (คือข่าวฝั่งตะวันตกออกมา รัสเซียก็จะแก้เกมในอีกไม่กี่นาทีต่อมา)

แต่ตอนนี้รัสเซียเก็บท่าทีเงียบกริบ ข้อมูลการรบฝ่ายรัสเซียก็แทบไม่มีข้อมูล/ภาพออกมามากนัก ในด้านสงครามเศรษฐกิจ รัสเซียก็แทบไม่ตอบโต้อะไร เอาแต่แก้เกมที่ตัวเอง ตะวันตกนั้นโยนไพ่รัวๆ เพื่อจะ "ล้มเจ้า" รัสเซีย และยังย้ำอีกว่าพร้อมจะกระน่ำคว่ำบาตรให้หนักขึ้นไปอีก ให้นานเท่าที่จะทำได้ (บอริส จอห์นสันกล่าวไว้)

แต่ไพ่ในมือ "เจ้ามือ" รัสเซียนั้นยังไม่แพลมออกมาสักใบ

ถ้าไพ่ในมือปูตินไม่แน่จริงเพื่อรอโอกาสกินรวบ ก็คงจะเป็นไพ่ที่ไร้พิษสง มันมีอยู่แค่สองความเป็นไปได้เท่านั้น

แต่โอกาสแรกมันเป็นไปได้มากกว่า ทำเนียบเครมลินยังบอกว่า "ไม่ต้องมาตั้งคำถามว่าการถูกบีบจากการคว่ำบาตรจะทำให้เราเปลี่ยนจุดยืนหรือไม่" - นั่นคือไม่มีวัน

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือ ณ เวลานี้เดาอะไรแทบไม่ได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการรบและการเศรษฐกิจก็ยังระมัดระวังในการคาดเดาอะไรเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นี้

แต่จะขอทิ้งอะไรบางอย่างไว้ให้เดา มันคือถ้อยคำของปูตินที่เคยให้ไว้ในการสัมภาษณ์ในสารคดีของรัสเซียชื่อ "ระเบียบโลก 2018" ปูตินลั่นวาจาไว้ว่า

“ถ้ามีใครตัดสินใจทำลายรัสเซีย เรามีสิทธิ์ตอบโต้ ใช่ มันจะเป็นหายนะสำหรับมนุษยชาติและต่อโลก ผมเป็นพลเมืองของรัสเซียและเป็นประมุขของประเทศ … ทำไมเราถึงต้องการโลกที่ไม่มีรัสเซียอยู่ในนั้นล่ะ?’

ปลายทางของวิกฤตการณ์อาจอยู่ในคำพูดนี้ของปูติน

โดย กรกิจ ดิษฐาน

Photo by Alexey NIKOLSKY / SPUTNIK / AFP

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"