posttoday

เมื่อสหรัฐรบกับปูติน แต่เรียกร้องเอาจากสีจิ้นผิง

06 กุมภาพันธ์ 2565

บทความทัศนะ - ขณะที่สหรัฐก็กระตุ้นการเผชิญกับจีนไม่หยุดหย่อน รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐที่หวาดหวั่นสงครามในยูเครน ก็ยั่วยุจีนเช่นกัน แต่ตอนนี้กลับมาเรียกร้องจากผู้นำจีนให้ "แทรกแซง" ปูติน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ (หรือ 4 กุมภาพันธ์ตามเวลาไทย) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนรัสเซียว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนจะไม่ช่วยชดเชยผลที่ตามมาหากรัสเซียรุกรานยูเครน และมีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

แม้จีนจะไมใได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย สหรัฐก็ยังขู่ไปถึงจีนด้วยว่า บริษัทจีนก็จะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาหากพวกเขาพยายามหลบเลี่ยงการมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

ขณะที่ขู่ด้วยไม้แข็ง สหรัฐก็พยายามไม้นวม (ที่ซ่อนไม้แข็งเอาไว้อีกที) เพื่อกระทุ้งจีนไปเรื่อยๆ

แดเนียล คริสเตบริงก์ (Daniel Kritenbrink) นักการทูตระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แผนกเอเชียตะวันออกกล่าวว่า การประชุมระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูตินในกรุงปักกิ่งน่าจะเป็นโอกาสสำหรับจีนที่จะสนับสนุนรัสเซียให้ลดความตึงเครียดกับยูเครน

เขาชี้ว่า การใช้วิถีทางการทูตเป็นสิ่งที่โลกคาดหวังจาก "มหาอำนาจต่างๆ ที่มีส่วนรับผิดชอบ" ซึ่งเป็นการเรียกร้องไปถึงจีนด้วยในฐานะ "มหาอำนาจ"

แต่การเรียกร้องจากสหรัฐนี้สวนทางกับการกระทำของสหรัฐเอง ที่ทั้งข่มขู่และคุกคามจีน ในส่วนของกรณียูเครน สหรัฐใช้การข่มขู่ด้วยการส่งทหารเข้าไปในโปแลนด์เพื่อเตรียมรับการบุกยูเครนของรัสเซีย แม้จะเดินสายเจรจากับรัสเซียแต่ก็คุยไม่ได้ผลเอาเลย

นี่แสดงว่า "กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐล้มเหลวทางการทูต" แต่กลับจะมาเรียกร้องแนวทางการทูตจากประเทศที่ตัวเองก่อกวนไม่หยุดหย่อนอย่างจีน

ดังจะเห็นได้ว่า แม้สหรัฐจะ "เรียกร้องจากจีน" แต่คริสเตนบริงก์ก็ยังแขวะจีนกับรัสเซียเสียอีก โดยกล่าวว่าการประชุมและแถลงการณ์ร่วมที่ตามมาสะท้อนถึงแนวทางที่จีนและรัสเซียใช้มาระยะหนึ่งแล้ว "นั่นคือการขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น"

จะไม่ให้ขยับเข้ากันได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองประเทศถูกบีบให้หัวเดียวกระเทียมลีบ?

แล้วคริสเตบริงก์ก็เรียกร้องเอาทื่อๆ ว่า “การประชุมควรเปิดโอกาสให้จีนสนับสนุนรัสเซียให้ดำเนินการทางการทูตและการลดระดับความรุนแรงในยูเครน”

และบอกว่า “หากรัสเซียรุกรานยูเครนต่อไปและจีนมองไปทางอื่น แสดงว่าจีนเต็มใจที่จะเมินเฉยหรือสนับสนุนความพยายามของรัสเซียที่จะบีบบังคับยูเครนโดยปริยาย แม้ว่าจะสร้างความอับอายให้กับปักกิ่ง ทำอันตรายต่อความมั่นคงของยุโรป และเสี่ยงต่อสันติภาพทั่วโลกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ”

เราจะเห็นได้ว่าจากคำพูดของนักการทูตระดับสูงของสหรัฐระคายหูจีนเอามากๆ เท่ากับกล่าวโทษว่าถ้าสีจิ้นผิงไม่โน้มน้าวปูตินให้ยับยั้งการบุกยูเครน ก็ "แสดงว่าจีนเต็มใจ" หรือกระทั่ง "สนับสนุน"

มันเป็นการทั้งเรียกร้องแกมบีบบังคับ และคาดโทษจีนไว้แล้วว่าต้องรู้เห็นเป็นใจแน่นอน

ขอให้ดูการกระทำแบบนี้ สมควรจะเรียกว่าเป็นวิถีทางการทูตหรือไม่? ไม่เลย มันฟังเหมือนทหารที่กำลังต่อรองกันที่แนวหน้าก่อนการรบจริงมากกว่า การต่อรองแบบนี้สักแต่ว่าทำ เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายหมายหัวจีนไว้แล้ว

ที่จริงสหรัฐก็ควรจะรู้ด้วยซ้ำกับการใช้คำว่าหากรัสเซียบุกยูเครนจะ "สร้างความอับอายให้กับปักกิ่ง" เพราะมีข่าวแพลมออกมาก่อนหน้านี้จากแหล่งข่าวทางการจีนว่า จีนขอร้องให้รัสเซียอย่าบุกยูเครนในช่วงที่จัดป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว เพราะจะเป็นการแย่งซีนกันมากเกินไป

ทางการจีนปฏิเสธเรื่องนี้ ปูตินยืนยันด้วยการบินมาร่วมงานพิธีเปิดโอลิมปิกด้วยตัวเองและหารือกับสีจิ้นผิงด้วย

ดังนั้นที่สหรัฐว่าจีน "เมินเฉย" ต่อท่าทีจะบุกยูเครนของรัสเซียนั้น จึงเป็นการใส่สีตีไข่ เพราะรู้ว่าจีนต้องไม่เฉยแน่นอน และได้ทำอะไรบางอย่างไปแล้ว จึงมีข่าวหลุดออกมา

การพูดแบบนี้ของสหรัฐเท่ากับจะลากจีนมารับผิดชอบให้ได้หากปูตินบุกยูเครน ตรองกันดูเถอะว่ามันเป็นการกระที่ "เป็นสุภาพบุรุษ" หรือเปล่า?

ความตึงเครียดที่ยูเครนมีสาเหตุที่ยังสรุปไม่ได้ รัสเซียว่าเพราะชาติตะวันตกแหกสัญญาด้วยการจะดึงยูเครนเข้ากลุ่มนาโต ซึ่งรัสเซียบอกแล้วบอกอีกว่าอย่าทำเช่นนั้น เพราะเท่ากับทำให้ยูเครนเป็นฐานทัพของนาโตเพื่อจ่อคอหอยรัสเวีย

ขณะที่ชาติตะวันตกก็โวยว่าเพราะรัสเซียสั่งสมกำลังทหารประชิดยุโรปตะวันออกมากเกินไป ซึ่งเรื่องนี้ทั้งนาโตและสหรัฐเองก็ทำ หรือว่ารัสเซียทำบ้างไม่ได้?

ขณะที่เรารับข่าวจากสื่ออเมริกันหรือยุโรป เราจะเห็นแต่ข่าวความกระหายสงครามของปูติน แต่ถ้าติดตามข่าวจากรัสเซียเราจะพบว่ารัสเซียเองที่โต้สหรัฐนั่นแหละที่ปั่นเรื่องสงคราม และบอกว่าสหรัฐคือพวก Scaremongering หรือ พวกที่ปั่นหัวให้คนกลัว

กับจีนนั้น เราจะเห็นปัญหาคล้ายๆ กัน กรณีทะเลจีนใต้นั้นจีนอ้างสิทธิ์ตามเกาะต่างๆ ก็ไม่ได้ห้ามการแล่นเรือในน่านน้ำสากลแถบนั้น จะมีก็แต่บางประเทศที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีพิพาททะเลจีนใต้ มักจะส่งเรือรบและเรือบินไปป้วนเปี้ยนใกล้ฐานที่มั่นของจีนมาโดยตลอด

กับไต้หวัน แม้จีนจะส่งเครื่องบินไปในน่านฟ้าไต้หวัน แต่รัฐบาลไต้หวันเองก็ใช่ย่อย แทนที่จะรักษาสถานะเเดิมทางการเมือง แต่ดันหาเรื่องจะทำตัวเป็นเอกราชไม่หยุดหย่อน รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนั้น เป็นการ "หาเรื่องตาย" แต่ก็ยังหาทำเพราะรู้ว่าสหรัฐจะหนุนหลัง และสหรัฐ "ชอบ" เพราะมันมีเหตุให้ขยี้จีนได้ โดยหาว่าจีน "รังแกไต้หวัน"

การเมืองโลกนั้นมี "ความจริง" ซ่อนไว้หลายชั้น ใครตามไม่ทันก็โดนเขาหลอกเอาง่ายๆ

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน

Photo by Alexei Druzhinin / Sputnik / AFP