posttoday

ฟังเขาเถียงกัน ไทยอ่อนแอจะถูกเวียดนามไล่บี้จริงหรือ?

20 มกราคม 2565

ชุมชน Quora ตั้งคำถาม ไทยกังวลไหมว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะแซงหน้าเศรษฐกิจไทย

ประเด็นนี้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาตอบมากมายซึ่งคำตอบที่น่าสนใจมีดังนี้

Lucia Millar บอกว่า ไม่! ไทยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเวียดนามจะแซงหน้า และเวียดนามก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลเกี่ยวกับไทย ทั้งไทยและเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดต่อกัน ทั้งยังมีประเด็นที่ต้องกังวลเรื่องเดียวกันในเรื่องของภูมิศาสตร์ทางการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโดจีน แต่ทั้งสองประเทศไม่ใช่ภัยคุกคามของกันและกัน และการพัฒนาของแต่ละประเทศจะช่วยให้แต่ละประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม William Kuipers ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยตอบว่า “ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อประเทศไทยและวัฒนธรรมและคนไทยที่น่ารักที่นี่ ผมเชื่อว่าประเทศไทยควรกังวลอย่างมาก และไม่เฉพาะกับเวียดนามเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมสำหรับอาเซียน ในขณะที่ประเทศไทยคุณแทบไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

เขาบอกว่าประเทศไทยมัวแต่ยุ่งอยู่กับปัญหาของตัวเองมากเกินไปและไม่ทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างรอบๆ ตัว ดูเหมือนว่าคนไทยจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาในประเทศอื่นๆ เลย

"ในฐานะชาวยุโรป เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศส่วนใหญ่รอบตัวเรา เราได้เดินทางไปที่นั่น กินอาหาร พบปะกับคนในท้องถิ่น และเรียนรู้ที่จะเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเขา ทั้งดีและไม่ดี ผมมักจะประหลาดใจเสมอเมื่อลูกๆ เล่าให้ฟังว่าพวกเขาเรียนรู้อะไรมาบ้าง มันไม่ได้ไปไกลเกินกว่าชายแดนเลย"

William Kuipers ยังบอกว่า โอกาสทางธุรกิจมากมายเกิดขึ้นที่นี่ และประเทศไทยมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่มากมาย แต่มีปัจจัยไม่ดีตรงที่กลุ่มธุรกิจในท้องถิ่นส่วนใหญ่มองหาและลงทุนนอกประเทศไทยเพื่อลดความเสี่ยงและรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ไทยยังการขาดการศึกษา การสื่อสารภาษาอังกฤษ และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมายทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

"ที่นี่ (ประเทศไทย) การช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ความสัมพันธ์ทางธุรกิจสิ้นสุดลงหลังการจ่ายเงิน และความแข็งแกร่งร่วมกันหมายถึงความโดดเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่" William Kuipers บอก และเสริมว่า "ผมจึงคิดและเชื่อว่าอนาคตจะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่ดีที่สุด เท่าที่ผมดูประเทศไทยไทยจะไม่ติดอันดับต้นๆ”

Jerds ที่บอกว่าเป็นนักวิจัยด้านโภชนาการของบริษัท Red Bull ตอบว่า “ทำไมคนไทยต้องกังวล? มันก็แค่การคาดการณ์จากสื่อไทยบางเจ้า เรายินดีเป็นอย่างยิ่งหากในอนาคตเวียดนามจะเจริญรุ่งเรืองเหมือนญี่ปุ่น

1.เป็นเรื่องยากสำหรับเศรษฐกิจเวียดนามที่จะแซงหน้าประเทศไทยใน 20 หรือ 30 ปี เนื่องจากบริษัทไทยได้ลงทุนและสร้างอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจเวียดนาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทไทยลงทุนในเวียดนามมากกว่าบริษัทจีน ทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า ปิโตรเคมี บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบริษัทค้าปลีก ดังนั้นยิ่งเศรษฐกิจเวียดนามโต เศรษฐกิจไทยก็จะยิ่งโตตามไปด้วย การลงทุนของไทยในเวียดนามมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของเวียดนามราว 15-20% เช่น กลุ่มซีพี เมื่อเร็วๆ นี้ซีพีเพิ่งเปิดโรงงานอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียในเวียดนาม เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่สามอย่างญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และยุโรป และหลายบริษัท อาทิ เซ็นทรัลกรุ๊ป เข้าซื้อร้านค้าปลีกเกือบจะทุกร้านในเวียดนาม หรือเรดบูล หรือไทยเบฟ ที่ซื้อธุรกิจแอลกอฮอล์ในเวียดนาม หากเทียบอำนาจซื้อจากค่าครองชีพ (GDP PPP) เป็นไปได้ที่เวียดนามจะแซงไทย เพราะจำนวนประชากร แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เป็นตัวเงิน (norminal GDP) ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ดูไทยกับสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง GDP PPP ของสิงคโปร์น้อยกว่าไทย แต่ร่ำรวยกว่าไทย

2.จากประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนาม เวียดนามยังต้องใช้เวลาอีกนานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนนในชนบทของไทยมี 4 เลน ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยจำนวนความยาวของถนนมากที่สุดในประเทศไทย หรืออยู่ในอันดับ 10 ของโลก ด้วยระยะทางกว่า 700,000 กิโลเมตร ลองกูเกิลดูได้เลย”

Ashley Hyein Song อดีตอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจของ Cambridge International School ตอบว่า “พวกเขาไม่ต้องกังวลหรอก เชื้อไวรัสความไม่กังวลของคนไทยถูกแพร่ไปยังนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ที่นั่นไปแล้ว คนที่ดูเหมือนจะกังวลมีแต่ชาวต่างชาติที่ทำงานในสถาบันภาษาเอกชนเท่านั้นแหละ”

ฟังเขาเถียงกัน ไทยอ่อนแอจะถูกเวียดนามไล่บี้จริงหรือ?

Pas Sean ตอบว่า สิ่งที่ประเทศไทยทำได้ดีในตอนนี้คือการทำให้พื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคถูกต้อง ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมากซึ่งมีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในขณะเดียวกันก็มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 3% รัฐบาลกำลังใช้เงินจำนวนมากในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงทางรถไฟ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ และสนามบินทั่วประเทศ เหนือสิ่งอื่นใดคือ มีการลงนามในสัญญาสำคัญสำหรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกมูลค่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งกำหนดพิมพ์เขียวเศรษฐกิจในอนาคตสำหรับนโยบายอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0

"ความท้าทายในปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นั้นคือ การรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ให้ได้ แม้จะมีประชากรสูงอายุและกำลังแรงงานที่ชะงักงัน แรงงานต่างด้าวจากภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในปัจจุบันมีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตัวเลขอย่างเป็นทางการระบุว่ามีแรงงานข้ามชาติที่จดทะเบียน 3 ล้านคน อย่างไรก็ตาม จำนวนแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารอาจเพิ่มสูงขึ้นมาก" Pas Sean กล่าว 

ขณะที่เวียดนาม Pas Sean บอกว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม เวียดนามก็เผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกันกับประเทศไทยในเรื่องประชากรสูงอายุอย่างรวดเร็ว กุญแจสำคัญในการรักษาการเติบโตในระยะยาวคือความสามารถในการเพิ่มการเติบโตของผลิตภาพ (เช่น อัตราส่วนประสิทธิภาพเงินทุนสำหรับรัฐวิสาหกิจ) ตลอดจนการดำเนินการปฏิรูปการธนาคาร (เพื่อให้ธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น) และการแก้ปัญหาการทุจริต

ฟังเขาเถียงกัน ไทยอ่อนแอจะถูกเวียดนามไล่บี้จริงหรือ?

Shaipudin Shah Harun บอกว่า “ประเทศไทยมีฐานที่ใหญ่กว่าและแข็งแกร่งกว่าที่จะยืนหยัดได้ ฐานการผลิตของพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่แปลกที่ไทยจะถูกเรียกว่าดีทรอยต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านการท่องเที่ยวได้พัฒนาจนกลายเป็นสุทรียภาพด้านความงามที่มาเลเซียพยายามอย่างหนักที่จะแข่งขันด้วย”

แม้ว่าเวียดนามกำลังพัฒนาไปได้ดี แต่ Shaipudin Shah Harun บอกว่าเวียดนามยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถสร้างพื้นฐานนั้นได้ ตอนนี้กิจกรรมหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจคือการก่อสร้าง การส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและสัตว์น้ำ สินค้าที่ผลิตขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าราคาถูก รองเท้าและเสื้อผ้า ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ เช่นเดียวกับทุกๆ คน พวกเขาต้องยกระดับเนื้อหาและเทคโนโลยีในท้องถิ่น พวกเขาจะทำได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยสำเร็จแล้ว และการชะลอตัวใด ๆ ที่เวียดนามเผชิญอยู่ในตอนนี้จะได้รับการแก้ไขหากเวียดนามปรับกลยุทธ์ใหม่

Lawrence Chow ตอบว่า “ไทยนำหน้าเวียดนามและอินโดนีเซียในด้านเศรษฐกิจ เวียดนามตามหลังมามากแต่กำลังไล่ตามไทย ด้วยโรงงานใหม่ๆ หลายแห่งจากเกาหลี ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ ประเทศไทยมีโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ และภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งมาก โควิดกำลังทำร้ายการท่องเที่ยว แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

Photo by Roslan RAHMAN / AFP