WHO ยันยังไม่มีใครตายเพราะโอไมครอน แต่ยังตอบไม่ได้ว่ารุนแรงแค่ไหน
องค์การอนามัยโลกเร่งศึกษาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แพทย์ประสานเสียงยังไม่พบผู้ป่วยขั้นวิกฤต
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าวันนี้ (3 ธ.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่ายังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หลังจากที่พบแล้วกว่า 30 ประเทศ
โดยขณะนี้องค์การอนามัยโรคกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพในการแพร่เชื้อ การต้านภูมิคุ้มกัน หรือความรุนแรงของโรค
คริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษกองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า "ผมยังไม่เห็นรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโอไมครอน ซึ่งเรากำลังเดินหน้ารวบรวมข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสตัวนี้ แต่มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน"
แม้ว่าจะยังคงมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเชื้อโอไมครอน ซึ่งทำให้หลายคนกังวลว่าจะส่งผลให้เกิดอาการป่วยรุนแรง ติดเชื้อง่าย หรือหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน เนื่องจากไวรัสมีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง แต่ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว
ดร.จิม เวอร์ซาโลวิช จากโรงพยาบาลในรัฐเท็กซัสกล่าวว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับโอไมครอน แต่จนถึงตอนนี้ผู้ป่วยจำนวนมากที่เราพบมีอาการไม่รุนแรง
เช่นเดียวกับดร.ชูอิบ มานจรา จากอินเดียซึ่งกล่าวว่าหลักฐานที่มีอยู่จนถึงตอนนี้คือกรณีทั่วไปผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง
ก่อนหน้านี้ดร.แองเจลีค คูตซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้กล่าวว่าผู้ติดเชื้อเท่าที่เธอพบแสดงอาการไม่รุนแรง อาทิ เหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอแห้ง อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย และฟื้นตัวเต็มที่โดยไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
นอกจากนี้เธอยังไม่พบผู้ป่วยคนใดสูญเสียกลิ่นหรือรับรส รวมถึงไม่พบว่าผู้ป่วยมีระดับออกซิเจนลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย ซึ่งต่างจากสายพันธุ์เดลตา
เช่นเดียวกับอุนเบ็น พิลเลย์ ผู้เชี่ยวชาญจากแอฟริกาใต้ซึ่งกล่าวในการบรรยายสรุปโดยกระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้ว่า ผู้ติดเชื้อเท่าที่พบขณะนี้มีอาการไม่รุนแรง โดยทั่วไปแล้วจะเป็นอาการไอแห้ง มีไข้ ปวดตามร่างกาย ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนจะแสดงอาการน้อยกว่ามาก
ขณะที่นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐมองว่าแม้ข้อมูลเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ระบุว่ายังไม่พบอาการผิดปกติ แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสามารถตอบได้ว่าโอไมครอนจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงหรือไม่
Photo by EMMANUEL CROSET / AFP