posttoday

โรงพยาบาลดัตช์รับไม่ไหว หยุดรักษาโรคอื่นรับวิกฤตโควิด

25 พฤศจิกายน 2564

เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ระบบสาธารณสุขแบกรับไม่ไหวแล้ว นอกจากจะต้องส่งผู้ป่วยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ยังต้องหยุดรักษาบางโรค

โรงพยาบาลในเนเธอร์แลนด์บางแห่งได้ระงับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่เผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน

สมาคมโรงพยาบาลแห่งเนเธอร์แลนด์เพื่อการดูแลผู้ป่วยวิกฤต กล่าวว่า ได้ขอให้ ฮูโค เดอ ยองเงอ (Hugo de Jonge) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขยกระดับแผนโควิด-19 ระดับชาติไปสู่ขั้นตอนที่ห้ามผู้ป่วยทั่วไปนอนค้างที่โรงพยาบาล

จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลพุ่งขึ้นมาระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมและผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าโรงพยาบาลจะแบกรับไม่ไหวภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์หากไม่ควบคุมการระบาดให้ได้ ผู้ป่วยโควิด-19 หลายรายในเนเธอร์แลนด์ถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลในเยอรมนีในสัปดาห์นี้

ในการรับมือกับอัตราการติดเชื้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทีมจัดการการระบาดของโรคชั้นนำของรัฐบาลได้จัดประชุมฉุกเฉินในคืนวันพุธ และคาดว่าจะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ในวันศุกร์

แม้ว่าประชากรชาวดัตช์ที่เป็นผู้ใหญ่ประมาณ 85% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างครบถ้วนแล้ว แต่ผู้ป่วยรายใหม่ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 23,709 ในเวลา 24 ชั่วโมงจนถึงวันพุธ และเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เทียบต่อสัปดาห์

“มีโรงพยาบาลในหลายภูมิภาคที่ปรับแผนการรักษา” โฆษกสมาคมโรงพยาบาลกล่าว “เรากำลังพูดถึงการดูแลที่ต้องใช้เตียง นั่นหมายความว่าการนัดหมายจำนวนมากกำลังถูกยกเลิก”

ภายใต้แผนรับมือภาวะวิกฤตในระยะต่อไป โรงพยาบาลยังสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคลากรทางทหารและนักศึกษาเพื่อช่วยพยาบาลผู้ป่วยได้

เนเธอร์แลนด์มีผู้ป่วยมากกว่า 2.5 ล้านรายและเสียชีวิตมากกว่า 19,000 รายนับตั้งแต่การระบาดใหญ่

หลังจากสิ้นสุดมาตรการ social distancing ส่วนใหญ่ในเดือนกันยายน ในเดือนนี้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอีกครั้งและบังคับใช้การล็อกดาวน์บางส่วนอีกครั้ง โดยบาร์และร้านอาหารปิดให้บริการเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

และยังมีแผนจำกัดการเข้าถึงสถานที่สาธารณะหลายแห่งให้เฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนหรือเพิ่งหายจากโรคโควิด-19 ซึ่างทำให้เกิดจลาจลนาน 3 คืนตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วจากผู้ต่อต้านการฉีดวัคซีนและมาตรการล็อคดาวน์ และมีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 170 คนทั่วประเทศ

Photo by BARBARA GINDL / APA / AFP