posttoday

จีนอัดฉีด 9 หมื่นล้านหยวนเสริมสภาพคล่องจากปัญหา Evergrande

18 กันยายน 2564

ทางการจีนอัดฉีดเงินเข้าระบบ 9 หมื่นล้านหยวนป้องกันปัญหาสภาพคล่องตึงตัวจากกรณี Evergrande

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ธนาคารแห่งชาติจีนอัดฉีดเงิน 90,000 ล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการทำ Repo หรือการกู้ยืมระยะสั้นอายุ 7 และ 14 วัน เพื่อป้องกันสภาพคล่องตึงตัวจากปัญหาของ Evergrande นับเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องภายใน 1 วันที่มีมูลค่าสูงที่สุดของธนาคารแห่งชาติจีนนับตั้งแต่เดือน ก.พ.

ความเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งชาติจีนเกิดขึ้นหลังจากกรณีของ Evergrande ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปของตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดตราสารหนี้ ประจวบเหมาะกับช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความต้องการเงินสดสูง เนื่องจากธนาคารต่างลังเลที่จะปล่อยเงินกู้ในช่วงปลายไตรมาสซึ่งคณะกรรมการกำกับดูแลจะเข้ามาตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าสภาพคล่องอาจลดลงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของจีนในช่วงต้นเดือน ต.ค.

นักเศรษฐศาสตร์จาก Societe Generale เผยว่า การหลีกเลี่ยงภาวะสภาพคล่องตึงตัวเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนอันดับแรกของธนาคารแห่งชาติจีนและธนาคารก็มีหลายวิธีให้เลือกใช้ และไม่ห่วงว่าปัญหาตลาดการเงินล้มครืนจากวิกฤตหนี้สินของวาณิชธนกิจ Lehman ของสหรัฐ จะเกิดขึ้นกับ Evergrande แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อและรุนแรง

ด้าน อัลวิน ตัน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนประจำเอเชียของ Royal Bank of Canada มองว่า สถานการณ์ของ Evergrande และแรงสะเทือนที่ส่งไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมากกว่าการออกกฎควบคุมใดๆ ของทางการจีน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ธนาคารแห่งชาติจีนจะเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการล่มสลายของตลาดการเงิน

ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาของ Evergrande เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวจากการจำกัดการเดินทางเพื่อสกัด Covid-19 และมาตรการลดความร้อนแรงของราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเมื่อวันพุธ (15 ก.ย.) การค้าปลีกของจีนเดือน ส.ค.ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

บรรดาผู้เชี่ยวชาญกำลังประเมินผลกระทบในกรณีเลวร้ายที่สุดจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Evergrande โดยส่วนใหญ่รอดูว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะอดทนไม่เข้ามาแทรกแซงได้นานเท่าใด ในขณะที่แรงกดดันให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงเริ่มมากขึ้น เนื่องจากสัญญาณการลุกลามของวิกฤตการณ์ทางการเงินเริ่มชัดเจนขึ้น

REUTERS/Kim Kyung-Hoon/File Photo