posttoday

เปิดเงินอัดฉีดนักกีฬาแต่ละชาติ ได้เท่าไรหลังคว้าเหรียญโอลิมปิก

03 สิงหาคม 2564

แต่ละประเทศมีรางวัลที่แตกต่างกันออกไปสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิก

เมื่อสัปดาห์ก่อนไฮดีลีน ดิแอซ (Hidilyn Diaz) นักกีฬายกน้ำหนักหญิงจากฟิลิปปินส์คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ให้แก่ประเทศ ซึ่งเป็นเหรียญทองเหรียญแรกนับตั้งแต่ฟิลิปปินส์เข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกเมื่อปี 1924

เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของเธอรัฐบาลฟิลิปปินส์และภาคส่วนธุรกิจจึงได้มอบเงินรางวัลสูงถึง 33 ล้านเปโซหรือประมาณ 21 ล้านบาท พร้อมด้วยบ้าน คอนโด และรถยนต์ รวมถึงมีเงินอัดฉีดเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ

ขณะที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ให้คำมั่นว่าจะมอบเงินส่วนตัวมูลค่า 3 ล้านเปโซหรือราว 2 ล้านบาทพร้อมด้วยบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ให้แก่ดิแอซ

ด้านเกาหลีใต้ก็มีการมอบรางวัลสำหรับนักกีฬาเช่นกันโดยกระทรวงวัฒธรรม การท่องเที่ยว และกีฬาของเกาหลีใต้ประกาศว่าจะมอบเงินรางวัล 63 ล้านวอนหรือราว 1.8 ล้านบาทสำหรับแต่ละเหรียญทอง

เงินรางวัล 35 ล้านวอนหรือประมาณ 1 ล้านบาทสำหรับเหรียญเงิน และ 25 ล้านวอนหรือ 720,000 บาทสำหรับเหรียญทองแดง สำหรับนักกีฬาประเภททีมจะได้รับ 75 เปอร์เซ็นต์ของเงินรางวัลทั้งหมด ตามรายงานของ The Korea Times

อัน ซาน (An San) นักยิงธนูทีมชาติเกาหลีใต้ซึ่งคว้า 3 เหรียญทองจากโตเกียวโอลิมปิกจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 157.5 ล้านวอนจากกระทรวงวัฒนธรรม นอกจากนี้เธอจะได้รับเงินอัดฉีดจากมูลนิธิส่งเสริมกีฬาเกาหลีใต้อีก 95 ล้านวอน และนับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปหญิงสาววัย 20 ปีคนนี้จะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 1 ล้านวอนตลอดชีพ

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสมาคมกีฬายิงธนูเกาหลีใต้จะมอบเงินรางวัลให้เธอเท่าไร แต่ในการแข่งขันโอลิมปิกริโอ 2016 นั้นได้มอบเงินรางวัลแก่นักกีฬาที่คว้าเหรียญรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านวอน ซึ่งนักกีฬาเหรียญทองประเภทเดี่ยวได้เงินรางวัลคนละ 200 ล้านวอน และนักกีฬาเหรียญทองประเภททีมได้เงินรางวัลคนละ 150 ล้านวอน

ด้านอู ซังฮยอก (Woo Sang-hyeok) นักกีฬากระโดดสูงที่แม้จะจบที่อันดับ 4 ชวดเหรียญทองไปอย่างน่าเสียดายแต่เขาและโค้ชจะได้รับเงินอัดฉีดคนละ 20 ล้านวอนจากสมาคมสหพันธ์กรีฑาแห่งเกาหลีใต้จากการสร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์โอลิมปิกของเกาหลีใต้

ขณะที่ Nikkei Asia รายงานว่านักยกน้ำหนักจากอินโดนีเซียจะได้รับเงินมูลค่า 5,000 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 11 ล้านบาท) จากการคว้าเหรียญทอง, 2,000 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 4.6 ล้านบาท) สำหรับเหรียญเงิน และ 1,000 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) สำหรับเหรียญทองแดง ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมากเมื่อเทียบกับรายได้โดยเฉลี่ยของชาวอินโดนีเซีย

ส่วนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศญี่ปุ่นจะมอบเงินรางวัลจะมอบเงินรางวัลมูลค่า 5 ล้านเยน (1.5 ล้านบาท) สำหรับนักกีฬาญี่ปุ่นที่คว้าเหรียญทอง

Forbes ระบุว่าเฉิ่ง กา หลง (Cheung Ka-long) นักกีฬาจากฮ่องกงซึ่งคว้าเหรียญทองโอลิมปิกจากกีฬาฟันดาบประเภทฟอยล์ชายเดี่ยวได้รับเงินอัดฉีด 5 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 21 ล้านบาท) จากรัฐบาล และจะได้รับเงินอีก 2.5 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 10 ล้านบาท) จาก Lam Tai Fai College

นอกจากนี้ Forbes และ BuzzFeed ได้รวบรวมเงินอัดฉีดของประเทศอื่นๆ ที่มอบให้แก่นักกีฬาที่คว้าเหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิกไว้ดังนี้

มาเลเซียมอบเงินอัดฉีด 236,000-237,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 71,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 24,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

สิงคโปร์มอบเงินอัดฉีด 737,000-738,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 369,000-500,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 184,000-250,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

สหรัฐอเมริกามอบเงินอัดฉีด 37,500 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 22,500 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 15,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

อิตาลีมอบเงินอัดฉีด 213,000-214,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 90,000-107,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 60,000-71,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

บราซิลมอบเงินอัดฉีด 49,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 29,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 20,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

แคนาดามอบเงินอัดฉีด 16,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 12,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 8,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

ออสเตรเลียมอบเงินอัดฉีด 15,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 11,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 7,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

แอฟริกาใต้มอบเงินอัดฉีด 37,000 เหรียญสหรัฐสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง, 19,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 7,000 เหรียญสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง

Photo by Philip FONG / AFP