posttoday

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

19 กรกฎาคม 2564

ในขณะที่การต่อต้านเผด็จการยังดำนเนิต่อไป สถานการณ์โควิดเมียนมาเลวร้ายลงทุกที เจาะเรื่องราวจิตอาสาผู้รับขนย้ายศพเหยื่อโควิดในเมียนมาโดยสำนักข่าว AFP

ขณะที่โรงพยาบาลในเมียนมาที่บริหารโดยรัฐบาลเผด็จการไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่สนับสนุนประชาธิปไตยมาทำงานอีก ส่วนผู้ป่วยโรคโคโรนาไวรัสก็เพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศ อาสาสมัครจึงต้องออกไปตามบ้านเพื่อเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตในบ้านของพวกเขาซึ่งตกเป็นเหยื่อของโควิด-19 ที่เพิ่มจพนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทุกเช้า โทรศัพท์ของ ตัน ตัน ซอ ดังขึ้นพร้อมกับคำขอจากสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตในนครย่างกุ้ง เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของเมียนมา

เธอเขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อของผู้เสียชีวิตในบัญชีแยกประเภท และส่งทีมไปที่บ้านของพวกเขา

“เรากำลังให้บริการโดยไม่หยุดพัก” เธอบอกกับเ AFP ณ สำนักงานอันคึกคักของกลุ่มอาสาสมัครของเธอ

ทุกวัน "ทีมผมเก็บศพได้ 30-40 ศพ...ฉันคิดว่าทีมอื่นก็คงเหมือนเรา"

"บางครั้ง มีศพอยู่ 2 ศพในบ้านหลังเดียว"

โรงพยาบาลทั่วประเทศไม่มีทั้งแพทย์และผู้ป่วย เนื่องจากการนัดหยุดงานระยะยาวเพื่อต้านต่อระบอบการปกครองของทหารที่ยึดอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์

ความโกรธแค้นต่อการรัฐประหารในวงกว้าง และความกลัวที่จะถูกมองว่าร่วมมือกับรัฐบาล ยังทำให้หลายคนไม่กล้าไปใช้บริการโรงพยาบาลที่ดำเนินการโดยกองทัพ ทำให้อาสาสมัครต้องจัดหาออกซิเจนอันมีค่าและนำคนตายไปเผาศพ

ซาน อู ซึ่งเริ่มทำงานเป็นอาสาสมัครขับรถเมื่อเกิดการระบาดครั้งแรกในเมียนมาเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า เวลาทำงานปกติตอนนี้อย่างน้อยนานถึง 13 ชั่วโมง

“เราเคยส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล” เขากล่าวกับ AFP “เราถามคนไข้ว่า 'คุณต้องการไปโรงพยาบาลไหน'

“แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อเราได้รับสายเรียกเข้า เราต้องถามว่า 'สุสานไหน'”

เจ้าหน้าที่รายงานผู้ป่วยเกือบ 5,500 รายในวันเสาร์ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 50 รายต่อวันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่ายอดผู้เสียชีวิตจริงน่าจะสูงกว่ามาก

ที่บ้านของเหยื่อรายหนึ่ง ซาน อูและทีมจับศพไว้บนเปลหาม คลุมด้วยผ้าห่ม แล้วเดินขึ้นบันไดไม้แคบๆ ลงไปที่ถนน

พวกเขานำเปลหามไปที่รถตู้ในขณะที่อาสาสมัครอีกคนหนึ่งตีฆ้องที่ใช้ในพิธีศพตามประเพณีพุทธศาสนาในเมียนมา

เมื่อพวกเขามาถึงเมรุเผาศพจี ซู มีรถพยาบาลอย่างน้อยแปดคันที่จอดอยู่ข้างนอกแล้ว

หน้ากระจกหน้ารถยนต์คันหนึ่งมีคำว่า "Dead Body Carrier" ติดเอาไว้

- 'มีแต่ข่าวร้าย' -

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งอยู่แนวหน้าในการรับมือโควิด-19 ของเมียนมาก่อนการรัฐประหารตกเป็นของทงการเผด็จการ หลังจากพวกเขากลายเป็นผู้นำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในช่วงแรก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง รวมทั้งหัวหน้าโครงการฉีดวัคซีนของเมียนมาถูกควบคุมตัว และอีกหลายร้อยคนต้องไปเคลื่อนไหวใต้ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาบริหารรัฐ (State Administration Council) ซึ่งเป็นคำที่รัฐบาลทหารใช้เรียกตัวเองว่า เรียกร้องให้แพทย์และพยาบาลอาสาเข้าร่วมโครงการต้านโควิด-19 โดยยอมรับว่ากำลังเผชิญกับ "ความยากลำบาก" ในการควบคุมการแพร่ระบาด

สื่อของรัฐรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ทางการกำลังเร่งจัดหาอุปกรณ์ออกซิเจนจากเพื่อนบ้านคือไทยและจีน

ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในเมียนมาเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าประเทศกำลังเสี่ยงที่จะ "กลายเป็นรัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์ของโควิด-19"

ตัน ตัน โซ กล่าวว่าทีมของเธอสองคนมีผลตรวจเป็นบวกตั้งแต่เกิดการระบาดครั้งล่าสุด และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย

“ทุกสิ่งที่ฉันได้ยินมีแต่ข่าวร้าย” เธอบอก

ชายคนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือจากทีมงานของเธอช่วย ยกหูโทรหาพี่ชายของเขาที่สุสานจี ซูซึ่งกำลังปรกอบพิธีเผาศพแม่ของพเขา แต่ตอนนี้เขาขอให้พี่ช่วยรอรถพยาบาลที่กำลังพาพ่อของพวกเขาซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปที่สุสานอีกศพหนึ่ง

“ผมอยากให้พ่อแม่เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย” เขาสะอื้นในโทรศัพท์

สำหรับ ตัน ตัน โซ ฉากดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“บางครั้งฉันไม่รับโทรศัพท์และไม่อยากรับสาย” เธอบอก

“ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากทำหน้าที่ของฉัน… แต่เป็นเพราะฉันเจ็บปวดมาก”

สกู๊ปข่าวจาก AFP เรื่อง 'Dead body carrier': Covid surge overwhelms Myanmar burial volunteers

ภาพชุดจิตอาสาขนศพ

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

ภาพชุดการรอคอยออกซิเจน

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'

เมียนมาเจอศึกสองด้าน กำลังกลายเป็น 'รัฐซูเปอร์สเปรดเดอร์'