posttoday

Blockchain คืออะไร? ทำไมจีนหวังเป็นแนวหน้าของโลก

09 มิถุนายน 2564

จีนตั้งเป้าดันอุตสาหกรรม ‘บล็อกเชน’ สู่แนวหน้าของโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปักกิ่ง, 8 มิ.ย. (ซินหัว) — แนวปฏิบัติที่เผยแพร่ร่วมกันโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ และสำนักกำกับดูแลไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) ระบุว่า จีนตั้งเป้าส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อกเชนให้อยู่ในระดับที่ก้าวหน้าที่สุดของโลก ภายในปี 2025

เอกสารระบุว่า อุตสาหกรรมบล็อกเชนของจีนและระบบที่เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมนี้ จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างภายในปี 2025 โดยจะมีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างหลากหลาย

ในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรหลัก 3-5 แห่งที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล รวมถึงองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมจำนวนมาก และกลุ่มอุตสาหกรรมบล็อกเชน 3-5 กลุ่ม

ภายในปี 2030 อุตสาหกรรมบล็อกเชนจะขยายตัวทั้งในด้านความแข็งแกร่งโดยรวมและขนาดของอุตสาหกรรม และจะถูกบูรณาการเข้ากับเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ เช่น ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

(เนื้อหาข่าวโดยความร่วมมือกับสำนักข่าวซินหัว)

บล็อก (Blockchain) คืออะไร?

1. บล็อกเชน (Blockchain) เป็นรายการระเบียน/บันทึก (record) ที่เพิ่มขึ้น/ยาวขึ้นเรื่อย ๆ โดยแต่ละรายการเรียกว่า บล็อก (Block) ซึ่งนำมาเชื่อมต่อเป็นลูกโซ่ (chain) โดยตรวจสอบความถูกต้องและรับประกันความปลอดภัยโดยวิทยาการเข้ารหัสลับ บล็อกเชนเป็นฐานข้อมูลเฉพาะประเภท แต่ที่แตกต่างจากฐานข้อมูลทั่วไปตรงที่มันเก็บข้อมูลในบล็อกที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

2. บล็อกแต่ละบล็อกปกติจะมีค่าแฮช (hash) ของบล็อกก่อนหน้าซึ่งสามารถใช้ยืนยันความถูกต้องของบล็อกก่อนหน้า มีตราเวลาและข้อมูลธุรกรรม (ค่าแฮช คือ ฟังก์ชันใดๆ ที่สามารถใช้จับคู่ข้อมูลขนาดใดก็ได้กับค่าขนาดคงที่ ค่าที่ส่งคืนโดยฟังก์ชันแฮชจะเรียกว่าค่าแฮช) เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามา ข้อมูลนั้นจะถูกป้อนลงในบล็อกใหม่ เมื่อบล็อกเต็มไปด้วยข้อมูลแล้ว บล็อกนั้นจะถูกโยงไปยังบล็อกก่อนหน้า ซึ่งทำให้ข้อมูลถูกล่ามโซ่ไว้ด้วยกันตามลำดับเวลา

3. บล็อกเชนออกแบบให้ทนทานต่อการเปลี่ยนข้อมูลที่บันทึกแล้ว มันเป็น บัญชีแยกประเภท (ledger คือ บัญชีที่จัดประเภทของบัญชีให้เป็นหมวดหมู่เพื่อสะดวกในการนําข้อมูลไปใช้ต่อไป) แบบกระจายและเปิด ที่สามารถบันทึกธุรกรรมระหว่างบุคคลสองพวกอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบที่ยืนยันได้และถาวร

4. โดยทั่วไปแล้วบล็อกเชนได้รับการจัดการโดยเครือข่ายเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-peer หรือ P2P) เพื่อใช้เป็นบัญชีแยกประเภทที่เผยแพร่ต่อสาธารณะโดยการสื่อสารระหว่างสถานี (node) จะยึดตามโปรโตคอลร่วมกันเพื่อสื่อสารและตรวจสอบบล็อกใหม่ (P2P จะเชื่อมโยงผ่าน node แบ่งปันทรัพยากรระหว่างกันโดยไม่ต้องใช้ระบบการบริหารแบบรวมศูนย์)

5. สรุปก็คือ บล็อกเชนเป็นบัญชีแยกประเภทดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ หรือแบ่งกันทำ และเป็นสาธารณะประกอบด้วยบันทึกที่เรียกว่า "บล็อก" ซึ่งใช้ในการบันทึกธุรกรรมในคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง เพื่อไม่ให้บล็อกที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเปลี่ยนแปลงย้อนหลังได้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงบล็อกที่ตามมาทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมตรวจสอบและตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างอิสระและราคาไม่แพงนัก

6. เทคโนโลยีบล็อคเชนสามารถนำมาใช้กับหลาย ๆ ด้าน การใช้งานหลักของบล็อคเชนในปัจจุบันคือเป็นบัญชีแยกประเภทสำหรับสกุลเงินดิจิตอล โดยเฉพาะ Bitcoin ธุรกรรมจะถูกบันทึกอย่างถาวรและทุกคนสามารถดูได้ ดังนั้นด้วยการตรวจสอบและยืนยันโดยเครือข่ายกระจายอำนาจ และความที่มันแก้ไขไม่ได้ ทำให้เทคโนโลยีบล็อคเชนป้องกันการใช้จ่ายซ้ำ หรือ Double-spending ในเงินคริปโตและนี่เป็นตัวกำหนดจำนวนและมูลค่าของมันอย่างหนึ่ง เพราะคริปโตเช่น Bitcoin ประกอบด้วยข้อมุลที่ทำซ้ำหรือปลอมแปลงได้ หากไม่มีการตรวจสอบและยืนยันแบบแก้ไขไม่ได้ มันจะถูกทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนเฟ้อ

7. ประเทศจีนใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลของประเทศที่เปิดตัวในปี 2020 ข้อมูลจากเทียนเหยี่ยนฉา ผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรของจีน ระบุว่าปัจจุบันจีนมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนประมาณ 75,000 แห่ง

8. รัฐบาลจีนเริ่มสนใจบล็อคเชนมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดพีคเมื่อ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2019 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งเขากลา่วว่าควรมองบล็อคเชนว่าเป็น "ความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับนวัตกรรมในประเทศของจีนสำหรับเทคโนโลยีหลัก" เป็นการสะท้อนว่าจีนต้องพัฒนาบล็อคเชนของตัวเองเพื่อเลิกการพึ่งพาภายนอก และยังเป็นผู้นำในระดับสากลด้วย 

9. MERICS รายงานว่านับตั้งแต่กล่าวสุนทรพจน์ของสีจิ้นผิง บล็อกเชนถูกนำมาปรับใช้มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยรัฐบาลระดับมณฑลและระดับเขตและเทคโนโลยีนี้กำลังกลายเป็นเสาหลักของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ในปี 2020 แอปพลิเคชั่นบล็อคเชนสำหรับบริการภาครัฐมีมากกว่าหนึ่งในสี่ของแอพพลิเคชั่นบล็อคเชนทั้งหมดที่พัฒนาในประเทศจีน

Photo by Lars Hagberg / AFP