posttoday

‘เมดอินเวียดนาม’ เมื่อเวียดนามฝันสูงอยากผลิตวัคซีนป้อน COVAX

01 มิถุนายน 2564

เวียดนามอยากเป็นผู้ผลิตวัคซีนเอง แต่ขณะเดียวกันมีข่าวว่ารัฐบาลยังขอให้ซัมซุงหาวัคซีนให้พนักงานของตัวเองที่อยู่ในเวียดนามเอง

ท่ามกลางการกลับมาระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 ในอาเซียนและความต้องการวัคซีนที่มีมากขึ้น ทางการเวียดนามประกาศข่าวใหญ่ว่า เวียดนามจะซื้อเทคโนโลยีสำหรับผลิตวัคซีนต้าน Covid-19 และจะตั้งโรงงานผลิตวัคซีนส่งให้โครงการแจกจ่ายวัคซีน COVAX ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทั้งที่ตอนนี้วัคซีนในประเทศแทบไม่พอใช้

“เวียดนามจะสร้างโรงงานและต้องการขอสิทธิบัตรเพื่อให้ได้ผลิตวัคซีนให้ COVAX ให้ประเทศอื่นๆ รวมทั้งเวียดนามเอง” แถลงการณ์กระทรวงสาธารณสุขระบุ

ทว่า ความฝันของเวียดนามอาจจะยากสักหน่อย เพราะการเจรจาระงับการให้ความคุ้มครองด้านสิทธิบัตรวัคซีนต้าน Covid-19 ที่สหรัฐประกาศหนุนหลังเมื่อเดือนที่แล้ว กับองค์กรการค้าโลก (WTO) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 พ.ค.) ล้มเหลว

นั่นหมายความว่า บรรดาประเทศรายได้ปานกลางหรือรายได้ต่ำยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ไปผลิตเองได้

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ของบริษัทผู้ผลิตยาเจ้าใหญ่อย่างไฟเซอร์ (Pfizer) ยังมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการระงับการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาขาดแคลนวัคซีนที่ถูกต้องและกังวลเรื่องคุณภาพวัคซีนจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

อีกอุปสรรคคือ ขณะนี้จำนวนวัคซีนในเวียดนามยังตามหลังเพื่อนบ้าน โดยจนถึงตอนนี้ได้รับวัคซีนเพียง 2.9 ล้านโดส (ได้จาก COVAX 2.6 ล้านโดส) จนต้องเร่งเจรจาและขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางการทูต เช่น การขอให้ทูตสหรัฐช่วยให้เข้าถึงวัคซีนของ Pfizer และ Moderna และให้ช่วยเร่งโครงการฉีดวัคซีนของเวียดนาม

ทั้งยังต้องขอให้บรรดาบริษัทต่างชาติที่เข้าไปตั้งฐานการผลิตในเวียดนาม อาทิ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics Co.) และบริษัทอื่นจัดหาวัคซีนต้าน Covid-19 ให้พนักงานของตัวเอง

ด้วยเหตุผลข้างต้น การขอซื้อเทคโนโลยีและขอสิทธิบัตรมาผลิตของเวียดนามเพื่อส่งออกวัคซีนอาจไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้

แต่ถึงอย่างนั้น เวียดนามก็กำลังผลิตวัคซีนของตัวเอง โดยขณะนี้มีบริษัท 4 แห่งที่กำลังวิจัยและเตรียมผลิตวัคซีน “เมดอินเวียดนาม” ได้แก่ บริษัทสำหรับผลิตวัคซีนและชีวภาพหมายเลข 1 (Vabiotech), ศูนย์วิจัยและผลิตวัคซีนและชีววิทยา (Polyvac), สถาบันวัคซีนและชีววิทยาทางการแพทย์ (IVAC) และนาโนเจน ฟาร์มาซูติคอล ไบโอเทคโนโลยี เจเอสซี (Nanogen)

โดย 2 ตัวอยู่ในขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ คือ NanoCovax ของ Nanogen ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองในมนุษย์ในระยะที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารเวียดนามและศูนย์การแพทย์ในจังหวัดเบ๋ญลึก ที่คาดว่าจะสำเร็จในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และจะนำมาใช้ในปี 2022 และ Covivac ของ IVAC ที่อยู่ระหว่างการทดลองในมนุษย์ขั้นที่ 1  

แม้ว่า โด๋หมิ่นสี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Nanogen เผยกับ Sydney Morning Herald และ The Age ว่า บริษัทมีศักยภาพในการผลิตวัคซีน 120 ล้านโดสต่อปี และอยู่ระหว่างเจรจาขยายการผลิตกับผู้ผลิตในอินเดียและญี่ปุ่น

ทว่า เหงียนทูอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากสถาบันวิจัยวูลค็อคในกรุงฮานอยเผยว่า “แม้ว่าวัคซีนจะได้รับการพัฒนาในท้องถิ่นและปลอดภัย แต่การมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลิตจำนวนมากเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเวียดนาม ฉันไม่แน่ใจว่าประเทศจะมีเงินเพียงพอที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้”

และแม้ว่าก่อนหน้านี้เวียดนามจะเคยผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่ โรเคียร์ ฟาน ดอร์น นักจุลชีววิทยาชาวดัตช์และผู้อำนวยการหน่วยวิจัยทางคลินิกของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในกรุงฮานอย แสดงความกังวลเรื่องปริมาณการผลิตเช่นเดียวกัน โดยบอกว่า เวียดนามมีศักยภาพในการควบคุมคุณภาพ แต่ปริมาณวัคซีนต้าน Covid-19 ที่ต้องผลิตให้ได้ถึง 200 ล้านโดสนั้น แตกต่างจากจำนวนที่เวียดนามผลิตได้ในตอนนี้

การผลิตวัคซีนส่งมอบให้ COVAX มีกรณีศึกษาของสถาบันเซรุ่มของอินเดีย (SII) เป็นตัวอย่าง 

เดิมที SII ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ได้รับสิทธิ์ในการผลิตวัคซีน Covishield ของ AstraZeneca ให้คำมั่นว่าจะส่งมอบวัคซีน 200 ล้านโดสให้โครงการ COVAX แต่จนถึงวันอังคาร (25 พ.ค.) SII ส่งมอบวัคซีนให้ COVAX เพียง 30 ล้านโดสเท่านั้น

และหลังจากอินเดียพบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่วันละกว่า 2 แสนคน ทางการอินเดียก็ประกาศหยุดการส่งออกวัคซีนของ SII ทันทีเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุดยังขยายเวลาระงับการส่งออกไปถึงสิ้นปีนี้

ประกาศนี้ทำให้ COVAX ประกาศว่าต้องการวัคซีนต้าน Covid-19 อย่างเร่งด่วนภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ 190 ล้านโดสเพื่อนำมาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปเนื่องจากอินเดียหยุดส่งออกวัคซีน

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อของเวียดนามแม้จะไม่มากเท่าอินเดีย แต่ก็ยังน่าห่วง เพราะมี Covid-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียระบสดในชุมชน และยังเพิ่งพบสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างอินเดียกับอังกฤษซึ่งหวั่นว่าจะแพร่กระจายได้ในอากาศจนทำให้มีผู้ติดเชื่้อเพิ่มขึ้นอีกหลากคุมไม่อยู่

อีกทั้งคนที่ได้รับวัคซีนในเวียดนามยังต่ำตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน จากสถิติของ Bloomberg Vaccine Tracker การฉีดวัควีนของเวียดนามครอบคลุมประชากรเพียง 0.5% เท่านั้น

ดังนั้นหากผลิตวัคซีนได้เองคงต้องสำรองไว้ใช้ในประเทศเป็นอันดับแรก ไม่น่าจะเพียงพอส่งมอบให้ COVAX 

Photo by Nhac NGUYEN / AFP