posttoday

Hell Joseon เมื่อคนหนุ่มสาวเกาหลีไม่อยากอยู่ประเทศตัวเอง

04 พฤษภาคม 2564

"นรกโชซอน" คือคำเรียกประเทศตัวเองของหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้ที่มองว่าประเทศที่พวกเขาอยู่มันเลวร้ายเหมือนนรก แม้ว่าฉากหน้ามันจะสวยหรูแค่ไหนก็ตาม

หลายปีก่อนผู้เขียนอ่านข่าวพบว่า 8 ใน 10 คน หรือประมาณ 88% ของคนหนุ่มสาวเกาหลีใต้ไม่อยากอยู่ในประเทศตัวเอง และหวังจะไปมีชีวิตที่ดีกว่าในต่างแดน ซึ่งผู้เขียนเกิดความสงสัยว่าทำไมเพราะไม่ได้อ่านรายละเอียดเพิ่ม

ต่อมาได้ดูการสัมภาษณ์ของรายการ Asian Boss ออกไปถามวัยรุ่นเกาหลีว่า ประเทศของตัวเองน่าอยู่หรือไม่ คำตอบประมาณ 9 ใน 10 คน คือไม่ และอยากไปตายเอาดาบหน้าในต่างแดนหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ และเมื่อถามว่าข้อดีของการอยู่เกาหลีคืออะไร คำตอบ นิ่งอึ้งเพราะนึกไม่ออก

การสัมภาษณ์เริ่มต้นด้วยการถามบรรดาวัยรุ่นเคยได้ยินคำว่า "นรกโชซอน" (Hell Joseon) หรือเปล่า? ซึ่งแน่นอนว่าเคยเพราะคำๆ นี้คนหนุ่มสาวใช้เรียกประเทศตัวเองในลักษณะสิ้นหวัง มองบ้านเกิดเมืองนอนเป็นนรกและล้าหลังแบบยุคศักดินา (โชซอนคือชื่อเดิมของเกาหลี ตอนนี้เกาหลีเหนือยังเรียกตัวเองว่าโชซอน ส่วนทางใต้เรียกตัวเองว่าฮันกุก) คนนอกได้ยินเรื่องนรกโชซอนคงแทบไม่เชื่อ เพราะภาพลักษณ์เกาหลีเลิศเลอเอามากๆ อะไรกันดูล้ำสมัยไปหมด จนใครก็อยากจะไปอยู่

แต่คนหนุ่มสาวเหล่านี้บอกว่าถ้าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หรือมีเงินเยอะๆ เกาหลีจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ซึ่งคนที่คาบช้อนทองมาเกิดล้วนแต่เป็นพวกลูกนักการเมืองหรือพวกมีเส้น และพวกที่มีเงินและฐานะดีคือคนที่จบมหาวิทยาลัยระดับต้นๆ และได้ทำงานบริษัทระดับท็อป

ส่วนที่เหลือคือคนเดินดินส่วนใหญ่ เมื่อตอนวัยรุ่นต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาลจากการเรียน จากนั้นต้องแย่งที่เรียน และหลังจากนั้นแย่งงานกันทำ แต่ได้งานทำแล้วค่าแรงขั้นต่ำก็ยังไม่ได้

มีคนหนึ่งสรุปได้ดีครับว่า "คนที่เข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปได้ ก็ได้ทุกอย่างไปครอง"

อีกคนบอกว่าแทนที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก "เราจำเป็นต้องเป็นในสิ่งที่สังคมต้องการ"

คำพูดเหล่านี้สะท้อนแรงกกดดันที่ชาวเกาหลีต้องเผชิญ คือ สังคมที่มีบรรทัดฐานบีบคั้นสูง เด็กๆ ต้องเรียนอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ถ้าเข้าไม่ได้ก็แทบหมดหวังจะก้าวหน้า จากนั้นต้องเผชิญกับระบบการเกณฑ์ทหารที่เข้มงวดรุนแรง (ผู้ชายทุกคนต้องผ่านการเป็นทหาร) และเมื่อได้งานทำก็ต้องกลายเป็นทาสของบริษัท

วัยรุ่นพวกนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมคนนนอกถึงคิดว่าเกาหลีน่าอยู่ และบางคนคิดว่าอาจเป็นเพราะกระแสวัฒนธรรมป๊อปเกาหลี (ฮันรยู) ทำให้คนคิดอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม มีคนมองว่าไม่ควรอ้างความลำบากของตัวเอง แล้วการโทษประเทศตัวเองเป็นนรกบนดิน และมีผู้สัมภาษณ์รายหนึ่งซึ่งเคยอยู่ต่างประเทศบอกว่าเกาหลีเหมือนนรกจริงๆ แต่เมืองนอกก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

และทิ้งท้ายว่า คนเรามักจะมองที่อื่นดีกว่าบ้านเมืองตัวเอง ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ดีกว่าเสมอไปหรอก

ป.ล. "นรกโชซอน" เป็นปรากฎการณ์ที่ฮิตขึ้นมาในปี 2015 ในช่วงที่มีบทสัมภาษณ์คนหนุม่สาวเกาหลีจาก Asian Boss และในเวลาบทความนี้ถูกเขียนขึ้น แต่มันยังส่งผลสะเทือนต่อมาอีกหลายปี และยังสะเทือนไปถึงคนในรัฐบาลด้วย

ตัวอย่างเช่น ในสมัยของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ผู้อื้อฉาว (และขณะนี้รับโทษจำคุก) กล่าวในวันฉลองเอกราชของประเทศปีที่ 71 (เมื่อปี 2016) โดยอ้างอิงถึงคำศัพท์ใหม่ที่ฮิตกันในตอนนั้นคือคำว่านรกโชซอน ท่านผู้นำบอกว่า "มีคำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ปฏิเสธประวัติศาสตร์สมัยใหม่อันยิ่งใหญ่ของเรา และดูหมิ่นโลกของเราที่คนอื่นอิจฉาว่าน่าอยู่"

พัค กึน-ฮเย ยังบอกว่า "การดูหมิ่นตัวเอง, การมองโลกในแง่ร้าย, ความไม่ไว้วางใจ และความเกลียดชังไม่สามารถเป็นแรงผลักดันของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาได้" พร้อมกับบอกว่าการมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้เป็นการขัดขวาง "การก้าวกระโดดครั้งที่ 2" ซึ่งหมายถึงการปฏิวัติไปสู่สังคมที่ก้าวหน้าอีกขั้น

ต่อมาในปี 2019 ในสมัยของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ที่ปรึกษาของท่านผู้นำคือ คิม ฮยอล-ชอล บอกว่าเขาต้องการส่งผู้สำเร็จการศึกษาด้านภาษาและวรรณคดีเกาหลี "พวกหนึ่ง" ไปยังอินโดนีเซียเพื่อทำงานเป็นครูสอนภาษาเกาหลีเนื่องจากนักเรียนในอาเซียนหลงไหลกับภาษาและ วัฒนธรรมป๊อปของเกาหลีอันมาจากกระแสนิยมเกาหลีหรือ "ฮันรยู"

คำว่า "พวกหนึ่ง" หนึ่งน่าจะหมายถึงพวกคนหนุ่มสาวที่บ่นว่าอยู่เกาหลียากเหมือนอยู่นรกและหางานทำไม่ได้ เพราะคำพูดต่อมาเขาบอกชัดว่า “อย่ามัวแต่จมปลักที่นี่แล้วบอกว่ามันคือ ‘Hell Joseon’ นี่คือ ‘Happy Joseon’” 

ปราฎว่าคำพูดนี้ทำให้ประชาชนไม่พอใจจนคิม ฮยอล-ชอล ต้องลาออกจากตำแหน่ง

โดย กรกิจ ดิษฐาน

หมายเหตุ - บทความนี้เขียนลงในเฟซบุ๊ค Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2016 อัปเดต/แก้ไขเพิ่มเติมวันที่ 4 พฤษภาคม 2021

AFP PHOTO