posttoday

สรุปข่าววัคซีนทั่วโลก: อัปเดตข้อสงสัยเกี่ยวกับ AstraZeneca

04 พฤษภาคม 2564

ความคืบหน้าของวงการวัคซีนจากทั่วโลก สามารถเช็ค "ข่าวจริง" ของวัคซีนจากทั่วโลกได้ที่นี่

อัปเดตข้อสงสัยอาการลิ่มเลือดอุดตัน

• หลังจากที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะของ AstraZeneca ซึ่งองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ประกาศแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่วัคซีนดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

• โดยมีการเผยสถิติเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจาก AstraZeneca ทั่วโลกพบอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว 287 ราย ขณะที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนจาก Pfizer พบ 25 ราย, ผู้ที่ได้รับวัคซีนจาก J&J พบ 8 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนจาก Moderna พบ 5 ราย

• ล่าสุด (4 พ.ค.) เว็บไซต์ข่าวอังกฤษรายงานว่าคณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) ของสหราชอาณาจักรออกคำแนะนำว่ากลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยอาจมีความเสี่ยงในการเกิดอาการดังกล่าวมากกว่าเล็กน้อย โดยมักเกิดขั้นระหว่าง 4 วันถึง 4 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีน

• แม้จะมีรายงานว่าอาการนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีแต่ EMA ยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ได้ขอให้ AstraZeneca ดำเนินการตรวจสอบหลายอย่างรวมทั้งการศึกษาในห้องปฏิบัติการ ตรวจสอบผลของวัคซีนต่อการแข็งตัวของเลือด ประเมินข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง

• อย่างไรก็ตามองค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุขยังคงยืนยันว่าประโยชน์ของวัคซีนยังคงมีมากว่าความเสี่ยง ซึ่งอัตราของผู้ที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดทั่วโลก หรือประมาณ 8 ในล้านเท่านั้น

วิกฤตขาดแคลนวัคซีนในอินเดีย

• วันนี้ (4 พ.ค.) ราจา กฤษณมุรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาเชื้อสายอินเดียเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเร่งส่งมอบวัคซีนของ AstraZeneca ให้แก่อินเดียและประเทศอื่นๆ โดยด่วนเพื่อต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19

• หลังจากที่เมื่อสิ้นเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาสหรัฐประกาศว่าจะแบ่งปันวัคซีนของ AstraZeneca จำนวน 60 ล้านโดสในประเทศให้แก่ประเทศอื่นรวมถึงอินเดีย โดยคาดว่าวัคซีนล็อตแรกจำนวน 10 ล้านโดสจะส่งมอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่อีก 50 ล้านโดสซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต

วัคซีนทางเลือกของมาเลเซีย

• เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมาไครี จามาลุดดิน (Khairy Jamaludin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ของมาเลเซียประกาศว่าวัคซีนของ AstraZeneca ที่กำลังจะได้รับผ่านโครงการ COVAX ล็อตแรกนี้จะจัดเป็นวัคซีนทางเลือกซึ่งประชาชนสามารถตัดสินใจเองว่าจะรับวัคซีนดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากประชาชนค่อนข้างกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ มาเลเซียได้รับวัคซีน AstraZeneca จำนวน 268,800 โดสผ่าน COVAX ในวันที่ 24 เมษายนและวัคซีนจะให้กับผู้ที่ลงทะเบียนในวันที่ 5 พ.ค. ไครี จามาลุดดินยังเผยว่าแต่หลังจากมีรายงานเรื่องการเกิดลิ่มเลือด ประชาชนราว 8,000 คนยกเลิกการลงทะเบียนการฉีดวัคซีนทางออนไลน์ จากข้อมูลที่ทางการรวบรวมยังแสดงให้เห็นถึงความลังเลใจในการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น โดยประชาชนบางคนไม่ปรากฏตัวตามการนัดหมายหลังทางการเสนอจะฉีด AstraZeneca ด้วย ดังนั้นทางการจึงใช้วิธีการให้ AstraZeneca เป็นทางเลือกหนึ่งให้ประชาชนได้ตัดสินใจเอาเอง

มาเลเซียสั่งฉีดแต่ให้จับตาอาการ

• The Star สื่อของมาเลเซียรายงานว่า ดาโตะ สรี ดร. อัดฮัม บาบา (Datuk Seri Dr Adham Baba) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขจะติดตามการเกิดลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่องหลังการฉีดวัคซีน AstraZeneca และจะให้การรักษาทันทีหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ก็ระบุว่า "การเกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้นน้อยมากและการให้วัคซีนนี้ได้คำนึงถึงประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีมากกว่าความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีน" ดร. อัดฮัม บาบากล่าวในแถลงการณ์วันที่ 4 พ.ค. 

• อาการอื่นๆ คือปวดศีรษะผิดปกติพร้อมกับตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน พูดลำบาก รู้สึกร่างกายอ่อนแอ อาการง่วงนอนหรือชัก ผื่นเล็กๆ บนผิวหนัง มีอาการช้ำหรือมีเลือดออกและหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก อาการบวมที่ขาหรือปวดท้องอย่างต่อเนื่อง

ยืนยันประสิทธิภาพวัคซีน

News Medical Life Sciences ระบุว่านักวิจัยในสหรัฐและสหราชอาณาจักรแสดงความคิดเห็นถึงประสิทธิภาพของ AstraZeneca และ Pfizer ในการป้องกันการติดเชื้อเมื่อได้รับวัคซีนเพียง 1 โดสโดยสังเกตจากการใช้งานจริงในสหราชอาณาจักร โดยจากประชากรมากกว่า 627,000 คนพบว่าอัตราการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนต่ำกว่ากลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ

• รวมถึงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Lancet เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีนจาก AstraZeneca และ Pfizer ในสกอตแลนด์พบว่าการฉีดวัคซีน Pfizer โดสแรกสามารถลดอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ได้ 91% ขณะที่ AstraZeneca ป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาล 88%

• สำหรับในประเทศไทยนพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ได้ระบุถึงภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในคนไทยจำนวน 61 คนหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca โดสแรกพบว่าตรวจวัดภูมิต้านทานได้ถึง 96.7% เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจวัดภูมิต้านทานในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อเป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ตรวจพบได้ 92.4%

อัปเดตประเทศที่ระงับและเลิกระงับ

แอฟริกาใต้สั่งระงับเดือนมีนาคมและเสนอขายให้ประเทศเพื่อนบ้านในแอฟริกา เนื่องจากการผลการทดลองขนาดจำกัดแสดงให้เห็นว่า AstraZeneca สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้เพียงเล็กน้อย

• หลังจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ประกาศแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่วัคซีนดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน บางประเทศในยุโรปสั่งระงับ เช่น เดนมาร์ก, นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์, บัลแกเรีย, ไอร์แลนด์, อิตาลี, สเปน, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และสโลวีเนีย

• แต่หลังจาก EMA สรุปผลการตรวจสอบด้านความปลอดภัยและสรุปว่า ลิ่มเลือดผิดปกติที่มีเกล็ดเลือดต่ำควรถูกระบุว่าเป็นผลข้างเคียงที่หายากมากและยืนยันประโยชน์โดยรวมของวัคซีนอีกครั้ง หลังจากการประกาศนี้ประเทศในสหภาพยุโรปได้กลับมาใช้วัคซีน โดยจำกัด การใช้กับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยจากโควิด-19 ขั้นรุนแรง เช่น อิตาลี, สเปน, เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ส่วนเยอรมนีระบุว่าผู้อายุน้อยสามารถรับ AstraZeneca ได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ขณะที่เดนมาร์กหยุดใช้เพราะควบคุมการระบาดได้

• เมื่อเดือนมีนาคม แคนาดาสั่งระงับการใช้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี แต่จะปรับการตัดสินใจหากมีข้อมูลมากขึ้น หลังจากเกิดการระบาดระลอกที่ 3 มณฑลต่างๆ เริ่มลดเพดานอายุผู้รับวัคซีน AstraZeneca จนกระทั่งคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกัน (NACI) ของแคนาดาระบุเมื่อวันที่ 14 เมษายนว่า "ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ (อาการข้างเคียง) เกิดขึ้นน้อยมากและประโยชน์ของวัคซีนในการป้องกันโควิด-19 นั้นมีมากกว่าความเสี่ยง"

• ณ วันที่ 20 เมษายน 2021 มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีการแข็งตัวของเลือด 3 รายที่เชื่อมโยงกับวัคซีน AstraZeneca  ในแคนาดาจากกว่า 700,000 โดสที่ได้ทำการฉีดในประเทศ เมื่อวันที่ 23 เมษายน NACI ได้ออกคำแนะนำว่าสามารถเสนอวัคซีนให้กับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 30 ปีได้หากประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียง 

ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 8 เมษายนได้แก้ไขคำแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีโดยแนะนำให้ใช้วัคซีน Pfizer แทนในกรณีที่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปียังไม่ได้รับ AstraZeneca เป็นครั้งแรก แต่วัคซีน AstraZeneca ยังสามารถใช้ได้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีหากประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของบุคคลนั้นๆ และบุคคลนั้นได้ทำการตัดสินใจโดยมีข้อมูลโดยอาศัยความเข้าใจในความเสี่ยงและผลประโยชน์จากการปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แล้ว

อินโดนีเซียสั่งระงับการใช้ AstraZeneca เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ก่อนที่จะยกเลิกคำสั่งระงับและใช้ต่อไปในวันที่ 19 มีนาคม

Photo by Luis ACOSTA / AFP