posttoday

ศึกโควิด-19: อินเดียไม่รอด...โลกก็ไม่รอด 

30 เมษายน 2564

บทวิเคราะห์ CNN ชี้ เชื้อกลายพันธุ์ในอินเดียอาจทำให้วัคซีนไม่ได้ผล และอินเดียยังเป็นแหล่งผลิตวัคซีนของโครงการ COVAX ดังนั้นหากอินเดียยังแย่ ทั้งโลกก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้

ในขณะที่หลายประเทศ อาทิ สหรัฐและสหราชอาณาจักร คนที่ได้รับวัคซีนได้กลับไปกอดคนที่พวกเขารักอีกครั้งหลังจากต้องแยกกันมานานเพราะ Covid-19 แต่ตัดภาพไปที่อินเดีย หลายครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกไปเพราะโรคนี้ ผู้ป่วยในอินเดียถูกโรงพยาบาลปฏิเสธ เพราะไม่มีเตียงและออกซิเจน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุบสถิติทุกวัน สถานการณ์นี้ทำให้เกิดวิกฤตในอินเดียและยังส่งผลกระทบไปทั่วโลก 

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ยิ่งเชื้อไวรัสแพร่กระจายเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์และเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่ในที่สุดจะสามารถต่อต้านวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนความก้าวหน้าในการควบคุมโรคของประเทศอื่น

อศิศ จา คณะบดีวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ เผยว่า “หากเราไม่ช่วยอินเดีย ผมห่วงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะปะทุขึ้นทั่วโลก”

นี่คือเหตุผลว่าวิกฤตของอินเดียคือปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันรับมือ

ขณะนี้หลายประเทศเริ่มส่งความช่วยเหลือไปให้อินเดีย อาทิ สหรัฐที่ส่งเครื่องผลิตออกซิเจนไปถึงมืออินเดียเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อวันพุธ (28 เม.ย.) สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมนี รับปากว่าจะส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปช่วยเพิ่ม ขณะที่เครื่องบินบรรทุกยาและเครื่องช่วยหายใจจากรัสเซียออกเดินทางจากสนามบินซูคอฟสกีมุ่งหน้ากรุงนิวเดลีแล้ว  

แม้ว่าความสำคัญเร่งด่วนของอินเดียตอนนี้คือการช่วยชีวิตผู้ป่วย การฉีดวัคซีนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดก็สำคัญไม่แพ้กัน ทว่าแม้อินเดียจะเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก แต่วัคซีนต้าน Covid-19 ของอินเดียยังไม่เพียงพอและไม่มีวิธีที่จะผลิตวัคซีนเพิ่มอย่างรวดเร็ว 

ด้านประเทศตะวันตกถูกวิจารณ์ว่ากักตุนวัคซีน แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แมตต์ แฮนค็อค รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเผยว่าอังกฤษไม่มีวัคซีนสำรองสำหรับส่งไปให้อินเดีย ส่วนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนยันกับนายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมดี ของอินเดียว่าสหรัฐจะส่งวัคซีนให้

ก่อนหน้านี้ไบเดนประกาศว่าสหรัฐจะแบ่งวัคซีนของ AstraZeneca 60 ล้านโดสให้ประเทศอื่น แต่ไม่ได้ระบุชื่อประเทศและกำหนดส่ง แต่ทำเนียบขาวบอกว่าการส่งวัคซีนอาจกินเวลาหลายเดือน

แอนโธนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐเผยว่า การกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมทั่วโลกเป็นเรื่องสำคัญ  

“เพราะเราอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยกัน โลกเชื่อมโยงถึงกัน และเป็นความรับผิดชอบที่ประเทศต่างๆ มีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณเป็นประเทศร่ำรวย และคุณกำลังติดต่อกับประเทศที่ไม่มีทรัพยากรหรือขีดความสามารถที่คุณมี” ฟาวซีเผยกับสำนักข่าว The Guardian  

นอกจากนี้ ผู้ชี่ยวชาญยังกังวลว่า หากอินเดียไม่สามารถควบคุม Covid-19 และเชื้อกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัคซีนน้อยและระบบสาธารณสุขเปราะบาง เราอาจได้เห็นภาพที่กำลังเกิดขึ้นในอินเดียในประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อได้เร็วแพร่กระจาย 

และในฐานะที่อินเดียมีบทบาทสำคัญในการผลิตวัคซีนให้ประเทศอื่น ความล้มเหลวในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดในอินเดียอาจส่งผลกระทบกับการฉีดวัคซีนทั่วโลก  ขณะนี้เชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ไปอีกหลายสายพันธุ์ ทั้งในแอฟริกาใต้ บราซิล อังกฤษ รวมถึงในอินเดีย โดยเชื้อเหล่านี้สามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน และแพร่กระจายไปในหลายประเทศแล้ว  

จนถึงขณะนี้วัคซีนของ Pfizer/BioNTech (ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค), Moderna (โมเดอร์นา) และ Johnson & Johnson (จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน) มีประสิทธิภาพแตกต่างกันในการป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์เหล่านี้

อย่างไรก็ดี เชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ตราบใดที่มันยังแพร่ระบาด และขณะนี้ยังไม่มีการรับประกันว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะปกป้องประชากรโลกจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ นั่นหมายความว่าไม่มีประเทศใดปลอดภัย ไม่ว่าประเทศนั้นๆ จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากเพียงใดก็ตาม

ข้อมูลระบุว่าชาวอเมริกันกว่า 142 ล้านคน และชาวอังกฤษอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 33 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนต้าน Covid-19 อย่างน้อย 1 เข็ม คิดเป็น 43% และ 64% ของประชากรที่ จะต้องเข้ารับวัคซีน

ตรงกันข้าม ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอินเดียระบุว่า จนถึงวันที่ 27 เม.ย. มีชาวอินเดีย 129 ล้านคนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม คิดเป็นเพียง 8% ของประชากรอินเดียทั้งหมดเท่านั้น โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวโทษว่าเป็นการฉีดวัคซีนล่าช้าและการขาดแคลนวัคซีน

นอกจากเชื้อกลายพันธุ์แล้ว การระบาดระลอกสองในอินเดียยังส่งผลกระทับอย่างฉับพลันกับการกระจายวัคซีนของโลกด้วย

อินเดียมีบทบาทสำคัญในโครงการแจกจ่ายวัคซีน COVAX ที่นำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งจะแจกจ่ายวัคซีนให้กับประเทศรายได้น้อยในราคาพิเศษหรือไม่คิดมูลค่า

อินเดียรับปากว่าจะจัดหาวัคซีน 200 ล้านโดสสำหรับแจกจ่ายไปยัง 92 ประเทศ แต่สถานการณ์ในอินเดียขณะนี้ทำให้รัฐบาลต้องหันมาให้ความสำคัญกับพลเมืองอินเดียก่อน COVAX

ก่อนเกิดการระบาดระลอกสองในอินเดีย สถาบันเซรุ่มอินเดีย (SII) ส่งมอบวัคซีน AstraZeneca 28 ล้านโดสให้โครงการ COVAX และมีกำหนดส่งมอบอีก 90 ล้านโดสในเดือน มี.ค.และ เม.ย. แต่ต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น

สถานการณ์นี้ทำให้หลายประเทศ อาทิ แอฟริกาใต้และบราซิล ต้องรอวัคซีนอีกหลายเดือน

จอห์น เอ็นเค็นกาซอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของแอฟริกาเผยเมื่อต้นเดือน เม.ย.ว่า การระงับการส่งออกวัคซีนของอินเดียอาจเป็น “หายนะ” สำหรับการฉีดวัคซีนของทวีปแอฟริกา

อย่างไรก็ดี แม้การจัดหาวัคซีนของอินเดียจะชะงัก แต่ COVAX ยืนยันว่าการส่งมอบวัคซีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็นไปตามแผน และภายในสิ้นปีนี้จะจัดหาวัคซีนใด้ 2,000 ล้านโดส

สิ่งที่เกิดขึ้นกับอินเดียเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการกระจายห่วงโซ่อุปทาน และยิ่งระบบสาธารณสุขของอินเดียไม่สามารถรับมือกับวิกฤตด้านสุขภาพและวัคซีนขาดแคลนนานเท่าไร Covid-19 ก็เป็นภัยกับโลกนานเท่านั้น

ดังนั้นโลกจึงต้องร่วมมือกันรับมือกับโลกระบาดครั้งนี้

Photo by Jewel SAMAD / AFP