posttoday

สถาบันการเงินโลกต้องสั่นสะเทือนเพราะศรัทธาของชายคนนี้

30 มีนาคม 2564

Bill Hwang นักลงทุนผู้เคร่งศาสนากำลังทำตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนเพราะเฮดจ์ฟันด์ของเขาผิดนัดจ่ายมาร์จิ้นคอล

1. Bill Hwang เกิดในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 และเติบโตมาในฐานะคริสเตียนที่เคร่งศาสนา พ่อของเขาเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักร ส่วนแม่ของเขาเป็นมิชชันนารีในเม็กซิโก

2. ศรัทธาได้ชี้นำอาชีพให้กับ Hwang นั่นก็คือ "การลงทุน" เขามองว่าการลงทุนเป็นสิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องให้เขาทำ และพระเจ้าต้องการให้เขาสนับสนุนบริษัทที่มีส่วนช่วยให้มนุษยชาติก้าวหน้า เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้ Grace and Mercy Foundation อีกด้วย

"ผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังมองหาสิ่งที่จะทำ ผมจะลงทุนเพื่อให้พระเจ้าของเราพอพระทัย ... ผมจะไม่เกษียณจนกว่าพระเจ้าจะดึงผมกลับ"

3. Hwang สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส และปริญญาโทบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน โดยเริ่มทำงานเป็นเซลล์ที่ Peregrine Securities และ Hyundia Securities

4. จนกระทั่งเขาไปเจอกับลูกค้าคนหนึ่ง "จูเลียน โรเบิร์ตสัน" ที่นำพาเขาเข้าสู่โลกของนักลงทุน และได้เข้าทำงานภายใต้นักลงทุนผู้มากประสบการณ์ที่กองทุนป้องกันความเสี่ยง Tiger Management ของโรเบิร์ตสัน

5. ก่อนที่จะผันตัวมาเปิดธุรกิจกองทุนป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง "Tiger Asia Management" ซึ่งทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนอันดับต้นๆ ในตระกูล Tiger ของโรเบิร์ตสัน และมีทรัพย์สินในบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 5 พันล้านเหรีญสหรัฐ

6. ในปี 2012 Tiger Asia Management ต้องปิดตัวลงไปหลังจากที่ Hwang รับสารภาพว่ามีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลวงในเพื่อหากำไรจากตลาดหุ้น และภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น "Archegos Capital Management" บริษัทจัดการกองทุนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความปั่นป่วนของตลาดการเงินทั่วโลกในวันนี้

7. Archegos กู้เงินจากธนาคารหลายแห่งไปลงทุน อาทิ ธนาคาร Credit Suisse, Nomura และ Goldman Sachs แต่กลับประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก และโดนเรียกเงินหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) แต่บริษัทผิดนัดชำระจึงถูกบังคับให้ขายหุ้นผ่านธุรกรรม Block Trade มูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มี.ค.)

8. ซึ่งทำให้ธนาคารเจ้าหนี้อย่าง Goldman Sachs เทขายหุ้นล็อตใหญ่ในการซื้อขายแบบ Block Trade มูลค่า 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นการเทขายหุ้นล็อตใหญ่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสร้างความปั่นป่วนอย่างมากในตลาดการเงิน

9. นอกจากนี้ยังส่งผลให้หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งร่วงลงไปด้วยไม่ว่าจะเป็น ViacomCBS -50%, Discovery -45%, Tencent Music Entertainment -33%, Vipshop -31% และ Baidu -18%

10. ขณะที่ธนาคารระดับโลกอย่าง Credit Suisse และ Nomura ก็อาจเผชิญกับการขาดทุนมูลค่ามหาศาลเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่า Credit Suisse จะขาดทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมากกว่ากำไรทั้งหมดที่ได้รับในปีที่ผ่านมาเสียอีก ขณะที่หุ้นลดลง 14% และ Nomura หุ้นดิ่งลง 16.3% และมีแนวโน้มขาดทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ภาพโดย The Grace and Mercy