posttoday

iQIYI แพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกผู้อยู่เบื้องหลัง "ดราม่าดัง"

23 มีนาคม 2564

แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงที่เคยทุบสถิติระดับประเทศ สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก แต่ทำไมมีคนมองว่าอาจถึงทางตันของ iQIYI

สืบเนื่องจากประเด็นดราม่าของ "ลิซ่า BLACKPINK" ที่มีชาวเน็ตส่วนหนึ่งออกมาแสดงความไม่พอใจว่าเธอล้อเลียนรูปลักษณ์ของผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งในรายการเรียลลิตี Youth With You Season 3 ของประเทศจีนที่เธอนั้นทำหน้าที่เป็นเมนเทอร์ในรายการ

จนทำเอาแฮชแท็ก #LisaApologizeToLiangSen ซึ่งเป็นแฮชแท็กที่เรียกร้องให้ลิซ่าออกมาขอโทษผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในชั่วข้ามคืน ขณะเดียวกันด้านแฟนคลับฝั่งจีนก็ได้ออกมาสยบข่าวว่าทางนั้นไม่ได้มีประเด็นดราม่าแต่อย่างใด

แม้ว่าจะมีหลายคนรู้จักและได้ชมรายการนี้อยู่แล้วแต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่เริ่มรู้จักรายการนี้จากกรณีดราม่าดังกล่าว โดยรายการ Youth With You ซึ่งขณะนี้ดำเนินมาถึงซีซันที่ 3 แล้วออกอากาศผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงออนไลน์ iQIYI (อ้ายฉีอี้) ซึ่งเป็นบริษัทแยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนจนได้ชื่อว่า "Netflix เมืองจีน" เลยทีเดียว

ย้อนประวัติ iQIYI

iQiyi ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2010 เป็นบริษัทลูกของ Baidu (ไป่ตู้) ซึ่งเป็นบริษัทเสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของประเทศจีน โดยมี Yu Gong เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสตรีมมิงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 500 ล้านคนรวมเกือบ 6 พันล้านชั่วโมงต่อเดือน

ด้วยคอนเทนต์วิดีโอที่น่าสนใจและหลากหลายส่งผลให้ iQiyi เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงเจ้าแรกที่มีจำนวนผู้ติดตาม (Subscriber) ในจีนทะลุ 100 ล้านคน แซงหน้าคู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง WeTV จาก Tencent และ Youku จาก Alibaba

นอกจากนี้ในปี 2018 iQiyi ยังสร้างสถิติช็อกวงการสตรีมมิงด้วยละครย้อนยุคเรื่องเหยียนสี่กงเลวี่ย (Story of Yanxi Palace) ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ถึง 530 ล้านครั้งภายในวันเดียว ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรจีนที่มีราว 1,300 ล้านคน

ในปีเดียวกัน iQiyi ตัดสินใจเสนอขายหุ้น IPO เข้าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและสามารถระดมทุนไปได้กว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผลประกอบการในไตรมาสแรกหลังเข้าตลาดหุ้นอยู่ที่ 778 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

iQIYI แพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกผู้อยู่เบื้องหลัง "ดราม่าดัง"

ฟอร์มดีไม่มีตก?

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ที่ผ่านมา iQiyi ทำเงินไปได้กว่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายได้จากการสมัครสมาชิกคิดเป็นกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเติบโตขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า และมียอดผู้ติดตามอยู่ที่ 104.8 ล้านคน ขณะที่รายได้จากโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 276 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้หุ้นของ iQiyi ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม อยู่ที่ 28.04 เหรียญสหรัฐซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ หลายปีนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2018 ทั้งนี้ทั้งนันหุ้นของ iQiyi เคยขึ้นถึงจุดพีคสุดถึง 40.16 เหรียญสหรัฐในเดือนมิถุนายน 2018

อย่างไรก็ตามซีอีโอ Yu Gong กล่าวกับนักลงทุนว่าควมาขาดแคลนของเนื้อหาใหม่ๆ มีผลอย่างยิ่งต่อยอดผู้ติดตามที่ลดลงในช่วงปลายปี 2020 และฝ่ายบริหารคาดการณ์ว่ายอดผู้ติดตามจะยังคงลดลงในไตรมาสนี้เนื่องจากสภาวะที่ท้าทายในตลาดประเทศจีนแต่มั่นใจว่าธุรกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาสต่อๆ ไป

ตีตลาดไทยและทั่วโลก

iQiyi เริ่มมีการนำเสนอเนื้อหาในภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาจีนเมื่อ 2019 ก่อนที่จะเปิดตัว iQIYI International อย่างเป็นทางการในปลายปีที่แล้วเพื่อให้บริการผู้ชมต่างชาติ อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไทย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์

พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีการนำเสนอเนื้อหาที่นำมาจากต่างประเทศมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นซิทคอมไทย ซีรีส์เกาหลี ภาพยนตร์เกาหลี หรือการ์ตูนญี่ปุ่น เป็นต้น

ซึ่งความพยายามในการตีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ประสบความสำเร็จมากที่เดียวโดยอัตราการเติบโตของ iQiyi ในภูมิภาคนี้ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกอยู่ที่ 147% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มาแรงแซงทุกแพลตฟอร์ม ตามมาด้วย WeTV อยู่ที่ 68% และ Netflix อยู่ที่ 59%

นอกจากนี้ iQiyi เริ่มจับมือกับธุรกิจอุตสาหกรรมสื่อของไทยหลายแห่งเพื่อนำเนื้อหาจากไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มด้วย อย่างล่าสุดละครฟอร์มยักษ์เรื่อง "วันทอง" ก็มีให้ชมย้อนหลังได้บนแอปพลิเคชัน iQiyi ด้วยเช่นกัน

iQIYI แพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกผู้อยู่เบื้องหลัง "ดราม่าดัง"

อาจไม่ใช่คำตอบของ Baidu อีกต่อไป

Leo Sun ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองว่าอาจถึงเวลาแล้วที่ Baidu จะต้องทิ้งหุ้น iQiyi 56% ที่อยู่ในมือเนื่องจาก iQiyi เติบโตมาจนถึงจุดสูงสุดแล้วและในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมารายได้จากผู้สมัครสมาชิกลดลง 5% ประกอบกับรายได้จากการโฆษณาก็ลดลงส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมลดลง 1%

แม้ว่ารายได้รวมทั้งปีจะเพิ่มขึ้นแต่นั่นเป็นเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนมีเวลาว่างและหันมารับชมสตรีมมิงออนไลน์กันมากขึ้น

นอกจากนี้การให้บริการแบบ "freemium" คือมีทั้งผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้ที่เสียเงินเพื่อเนื้อหาพรีเมียมอาจเป็นจุดเสียเปรียบในด้านการทำกำไรเมื่อเทียบกับ Netflix ซึ่งให้บริการต่อเมื่อสมาชิกเสียเงินค่าบริการเท่านั้น

รวมถึงยังมีรายงานว่า Baidu เจรจาขายหุ้น iQiyi ให้ Alibaba และ Tencent เมื่อปีที่ผ่านมาแต่การสอบสวนต่อต้านการผูกขาดของรัฐบาลจีนส่งผลให้การเจรจานั้นต้องถูกเลื่อนออกไป