posttoday

ย้อนคดีปริศนาในตำนาน ใครฆ่าเอลิซ่า แลม?

15 กุมภาพันธ์ 2564

แม้เวลาจะผ่านมากว่า 8 ปีแล้วแต่การเสียชีวิตของเธอก็ยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

1. ย้อนกลับไปในเดือนเดียวกันนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เกิดคดีสะเทือนขวัญที่โด่งดังไปทั่วโลกซึ่งขณะนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เมื่อนักศึกษาสาวหายตัวไปนานหลายสัปดาห์ ก่อนที่จะถูกพบเสียชีวิตปริศนาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

2. เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ปี 2013 เอลิซ่า แลม ชาวแคนาดาเชื้อสายจีนวัย 21 ปี ถูกพบเป็นร่างไร้วิญญาณเปลือยกายอยู่ในแทงค์น้ำโรงแรมเซซิลล์ (Cecil Hotel) ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่เธอหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม

3. ร่างของเธอถูกพบหลังจากที่แขกในโรงแรมสังเกตว่าน้ำประปาเปลี่ยนเป็นสีดำและมีรสชาติผิดปกติ รวมถึงแรงดันน้ำต่ำ จึงได้ร้องเรียนให้พนักงานตรวจเช็คแทงค์น้ำก่อนที่จะพบร่างของเธอเสียชีวิตอยู่ในนั้น

4. คดีของเธอยิ่งดูมีเงื่อนงำขึ้นไปอีกเมื่อกรมตำรวจลอสแอนเจลิส (LAPD) เผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่พบเห็นเธอครั้งสุดท้ายอยู่ในลิฟต์ตัวหนึ่งของโรงแรมเพียงลำพัง ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนและหวาดระแวงผิดปกติ เธอพยายามกดปุ่มลิฟต์ทุกชั้นแต่ลิฟต์ไม่ยอมปิด ก่อนที่จะชะโงกหน้าออกมาดูด้านนอกลิฟต์พร้อมทำท่าเหมือนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ และเดินเข้าๆ ออกๆ อยู่หลายครั้งก่อนที่จะเดินออกจากลิฟต์ไป

5. วิดีโอของเธอได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกท่ามกลางการคาดเดาและคำอธิบายด้วยทฤษฎีต่างๆ นานา ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเธอ บ้างก็ว่าเธอกำลังพยายามหนีจากใครบางคนที่ไล่ตามเธออยู่ บ้างก็ว่าเธออาจจะหลอนยาเสพติด แต่จากการชันสูตรแล้วไม่พบสารเสพติดในร่างกายของเธอ และบ้างก็ว่าเธอมีอาการป่วยทางจิตด้วยโรคไบโพลาร์ ขณะที่บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าคลิปวิดีโอถูกดัดแปลงก่อนที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะ

6. ในเวลาต่อมาผลชันสูตรศพระบุว่าเธอกินยารักษาอาการไบโพลาร์ และไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย ล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงการฆ่าตัวตายและการใช้สารเสพติด มีเพียงแอลกออล์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตามผลชันสูตรพอสรุปได้ว่าเธอเป็นผู้ป่วยโรคไบโพลาร์และไม่ได้กินยาอย่างเคร่งครัดหรือกินยาไม่สม่ำเสมอซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ รวมทั้งเพื่อนร่วมห้องของเธอยังได้ระบุว่าเธอมีพฤติกรรมแปลกประหลาดก่อนที่เธอจะถูกขอย้ายให้ไปพักในห้องส่วนตัวคนเดียว

7. ผลการชันสูตรศพสรุปว่าเธอจมน้ำเสียเนื่องจากพบว่ามีน้ำในปอดปริมาณมาก รวมถึงมีอาการโรคไบโพลาร์ และมีการแก้ผลการตรวจถึงสองครั้งก่อนจะปล่อยสู่สาธารณชนว่าเป็นอุบัติเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่สามารถตรวจสารพิษในเลือดได้เพราะร่างของเธอแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานและเน่าเปื่อยเกินกว่าจะตรวจสอบได้

8. ขณะที่ครอบครัวของเธอยืนยันว่าเธอไม่เคยมีปัญหาทางจิตและไม่ได้เป็นโรคไบโพลาร์ตามที่สื่อและกรมตำรวจลอสแอนเจลิสกล่าวอ้าง ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเธอจะมีอาการทางจิตและต้องกินยาแต่ก็ยังไม่กระจ่างว่าเธอเข้าไปอยู่ในแทงค์น้ำบนดาดฟ้าโรงแรมได้อย่างไรทั้งที่มีเพียงพนักงานโรงแรมเท่านั้นที่เป็นผู้ถือกุญแจดาดฟ้า และทำไมจึงอยู่ในสภาพเปลือยกาย

9. นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามว่าเธอสามารถเข้าไปในแทงค์น้ำสูง 5 เมตรด้วยตัวเองได้หรือไม่ เพราะการเข้าสู่ชั้นดาดฟ้าโดยไม่ให้ใครรู้เธอจะต้องปิดสัญญาณเตือนภัยก่อนที่จะไต่บันไดสูงเพื่อขึ้นไปยังฐานที่ตั้งแทงค์น้ำ 4 ถัง และเธอยังต้องปีนบันไดขึ้นไปอีกเพื่อไปให้ถึงยอดแทงค์น้ำหลักที่พบร่างของเธออยู่ในนั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะขึ้นไปบนยอดแทงค์น้ำด้วยตนเองโดยไม่มีใครพบเห็น

10. เรื่องลึกลับยังไม่จบแค่นั้นเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องราวของเธอไปคล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง Dark Water ภาพยนตร์สยองขวัญของญี่ปุ่นที่เข้าฉายในปี 2002 และถูกดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นอเมริกันในปี 2005 ซึ่งตัวละครพบน้ำสีเข้มรั่วจากเพดานห้องในอพาร์ทเมนต์ ก่อนทราบว่าเด็กหญิงที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่จมน้ำเสียชีวิตในอ่างเก็บน้ำของอาคาร รวมถึงเหตุการณ์ที่ปุ่มลิฟต์ทำงานผิดปกติ ตลอดจนประวัติที่พื้นที่บริเวณนั้นเกิดวัณโรคระบาด โดยมีอุปกรณ์ทดสอบเชื้อโรค LAM-ELISA ตรงกับชื่อของเธอ Elisa Lam แต่เขียนกลับหลัง

11. ก่อนหน้านั้นโรงแรมแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตมาแล้วหลายครั้งและมีประวัติอาชญากรรมสยองขวัญและการฆ่าตัวตายมายาวนาน ซึ่งหลายคดีก็ยังตกเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้หลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าโรงแรมแห่งนี้มีเงื่อนงำหรือพลังชั่วร้ายอะไรบางอย่างหรือไม่

12. ขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่อย่างใด แต่เมื่อมองในเชิงสังคมศาสตร์จะพบว่าพื้นที่บริเวณนี้เกิดเหตุอาชญากรรมหลายคดีเนื่องจากพื้นที่ละแวกใกล้เคียงซึ่งเรียกว่า “สคิด โรว์” (Skid Row) เป็นพื้นที่ที่มีคนไร้บ้านและผู้ประสบปัญหาทางสังคมอาศัยอยู่จำนวนมาก รวมถึงการที่โรงแรมปรับลดราคาห้องพักราคาถูกทำให้มีแขกจากหลากหลายกลุ่มและเกิดคดีอาชญากรรมรวมถึงการฆ่าตัวตายหลายครั้ง จนทำให้พื้นที่นี้ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งกบดานของฆาตรกรต่อเนื่อง