posttoday

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นธรรมดาๆ อย่าง GameStop ที่มูลค่าพุ่งถึง 1,700%

28 มกราคม 2564

เปิดปรากฏการณ์ที่ทำให้หุ้นของร้านจำหน่ายวิดีโอเกมที่กำลังซบเซากลับมาทะยานขึ้นอีกครั้งราวกับได้ยาชุบชีวิต

ถือเป็นเรื่องที่ฮือฮาอย่างมากเมื่อจู่ๆ หุ้นของ GameStop ร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐที่ไม่น่าจะเติบโตได้อีกแล้วในสายตาของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ กลับทะยานขึ้นถึง 1,700% ภายในเวลา 1-2 เดือน จากที่เคยมีมูลค่าเพียง 6 เหรียญสหรัฐ หรือ 180 บาทต่อหุ้น

วันนี้โพสต์ทูเดย์จะอธิบายปรากฏการณ์นี้ให้อ่านกัน

1.GameStop เป็นบริษัทร้านขายวิดีโอเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสาขากว่า 5,509 แห่งกระจายอยู่ในสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยุโรป บริษัท GameStop เคยมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 150,000 ล้านบาทในปี 2013  และในช่วงที่รุ่งเรืองเคยทำรายได้ทะยานขึ้นจาก 190 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2011 เป็น 600 ล้านเหรียญในปีต่อมา

2.ทว่าเมื่อยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่มีใครซื้อแผ่นเกม และปัจจุบันก็มีเกมออนไลน์สารพัด กิจการก็ซบเซาลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้บรรดานักลงทุนจากกองทุนเก็งกำไรเฮดจ์ฟันด์จึงพากันทำนายว่าบริษัทนี้ต้องล้มแน่นอน ซึ่งหมายความว่าหุ้นจะต้องตกลงด้วย กองทุนเฮดจ์ฟันจึงทำการชอร์ตเซลเพื่อทำกำไร

3.การชอร์ตเซลก็คือ การที่นักลงทุน A (ซึ่งคาดว่าราคาหุ้นจะตกลง) ยืมหุ้น GameStop จาก B มา 1 หุ้นในราคา 100 เหรียญสหรัฐ โดยสัญญาว่าจะคืนหุ้น GameStop 1 หุ้นที่ยืมมาในอีก 10 วันต่อมา เมื่อได้หุ้นมาแล้ว A ก็จัดการขายหุ้นนั้นทันทีในราคา 100 เหรียญสหรัฐในวันเดียวกัน

4.หากถึงกำหนดคืนหุ้นแล้วราคาหุ้น GameStop ตกลงจริงๆ อย่างที่คาดไว้ A ก็จะซื้อหุ้น GameStop ได้ในราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐเพื่อนำมาคืนให้ B แล้วตัวเองจะได้ส่วนต่าง

5.แต่หากราคาหุ้นขึ้น A ก็จะขาดทุน ด้วยเหตุนี้ A จึงต้องรีบเข้าซื้อหุ้น GameStop เพื่อนำกลับไปคืน B ก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นจนขาดทุนหนัก จากนั้นก็เป็นไปตามกลไกตลาดคือ เมื่อหุ้นเป็นที่ต้องการ ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้น คนที่ทำชอร์ตเซลไว้ก็ต้องรีบซื้อหุ้นอีก เพื่อตัดการขาดทุน

6.กลไกนี้แหละที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์กับหุ้น GameStop โดยมีเว็บบอร์ดยอดฮิตที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกอย่าง Reddit ซึ่งมีบอร์ดย่อยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นที่เรียกว่า WallStreetBets ที่มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน อยู่เบื้องหลัง

7.นักลงทุนรายย่อยที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันซื้อหุ้น GameStop เพื่อดัดหลังนักเก็งกำไรในวอลล์สตรีท จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันนักเก็งกำไรก็ขาดทุนหนักขึ้น

8.สำนักข่าว CNBC รายงานว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าในตลาดของบริษัท GameStop ทะยานจาก 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐสู่ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้วหุ้นของ GameStop พุ่งขึ้นกว่า 1,700% และระหว่างวันอังคารและวันพุธตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

9.หากนับเฉพาะสัปดาห์นี้ หุ้น GameStop พุ่งกว่า 400% มาอยู่ที่ 347.51 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ทั้งที่เมื่อ 4 เดือนที่แล้วราคายังอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นอยู่เลย

10.นอกจากนี้ จิม รีด นักยุทธศาสตร์ของธนาคารดอยช์แบงก์ระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา GameStop ยังสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐที่ราว 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้า Tesla และ Apple ที่มูลค่าของบริษัทสูงกว่าถึง 81 และ 233 เท่าตามลำดับ

11.สำหรับวอลล์สตรีท นักลงทุนรายย่อยซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็น dumb money หรือแมงเม่าตามที่คนไทยคุ้นชิน ไม่เคยชนะบรรดานักวิเคราะห์หรือนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นกันเป็นอาชีพหลัก แต่ครั้งนี้นักลงทุนรายย่อยจากชุมชน Reddit แสดงให้เห็นแล้วว่ายักษ์ก็ถูกมดล้มได้ถ้ามดรวมพลังกัน

12.พลังของมดในการดันราคาหุ้น GameStop ทำให้เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่อย่าง Melvin Capital และ Citron Research ที่บอกว่า GameStop จะไปไม่รอด ขาดทุนเป็นหลักพันล้านเหรียญสหรัฐ โดย S3 Partners บริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บรรดานักลงทุนที่ทำชอร์ตเซลหุ้น GameStop ขาดทุนรวมกันแล้วกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งขาดทุน 917 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันจันทร์ และ1,600 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

13.และที่ยิ่งทำให้ผู้คนหันมาสนใจ GameStop กันมากกว่าเดิมคือ อีลอน มัสก์ ที่ไม่ว่าจะพูดถึงบริษัทไหนหุ้นบริษัทนั้นก็พุ่งพรวดๆ รอยเตอร์สรายงานว่า มูลค่าหุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 50% ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมัสก์แชร์ลิงค์ของกลุ่ม WallStreetBets ใน Reddit บนทวิตเตอร์ส่วนตัว

14.อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายมองว่าในที่สุดแล้วหุ้นของ GameStop จะปรับลดลงตามประสิทธิภาพของบริษัทและผลประกอบการที่ขาดทุน

15.ขณะที่คณะกรรมการกำกับและดูแลตลาดหลักทรัพย์สหรัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเผยว่า กำลังจับตาความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นกับหุ้น GameStop อย่างใกล้ชิด