posttoday

โลกยังน่าห่วง การล็อคดาวน์ไม่ลดมลภาวะพอที่จะกู้วิกฤตได้

09 สิงหาคม 2563

ผลการวิจัยที่ค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะการล็อคดาวน์ช่วยลดมลพิษนิดหน่อย ส่วนปัญหาโลกร้อนยังวิกฤต

นักวิทยาศาสตร์เผยว่าก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศที่ลดลงอย่างมากในช่วงที่ทั่วโลกใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการแก้ปัญหาโลกร้อน

การวิจัยชิ้นใหม่นำโดยศาสตราจารย์เพียร์ส ฟอร์สเตอร์ (Piers Forster) แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ในสหราชอาณาจักรพบว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รายวันทั่วโลกลดลง 17% ในช่วงวิกฤตโควิด-19

นอกจากนี้ ยังพบว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงมากที่สุดในเดือนเมษายนโดยมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์ และการปล่อยมลพิษอื่นๆ ลดลงระหว่าง 10-30% ทั่วโลกส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของการขนส่งภาคพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม การลดลงของมลภาวะเป็นเพียงภาวะชั่วคราว และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค้างอยู่ในธรรมชาติเป็นเวลานานมาก การวิเคราะห์ของทีมวิจัยชี้ให้เห็นว่าภายในปี 2030 อุณหภูมิโลกจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียง 0.01 องศาเซลเซียส

แต่ผู้เขียนเน้นว่ามาตรการฟื้นฟูโลกหลังยุคโควิด-19 มีความสำคัญมากต่อแนวโน้มระยะยาวของปัญหาโลกร้อน เช่น หากรัฐบาลต่างๆ ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใหล้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและลดมลภาวะ หรือ green stimulus ที่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ่่นมาอีกเกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในกลางศตวรรษนี้

ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือความพยายามแก้ปัญหาโลกร้อนในระยะยาวด้วยการใช้นโยบายที่จริงจัง เพราะการหยุดเผาผลาญพลังงานระยะไม่กี่เดือยช่วยได้น้อยหรือแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ

Photo by Greg Baker / AFP