posttoday

อดีตคนใกล้ชิดแฉหมดเปลือก ทรัมป์ขอสีจิ้นผิงช่วยเลือกตั้งสมัยสอง

18 มิถุนายน 2563

อดีตที่ปรึกษาทรัมป์แฉ ผู้นำสหรัฐแอบขอความช่วยเหลือจีน ให้ชนะเลือกตั้งสมัยสอง

สื่อสหรัฐรายงานว่า เนื้อหาในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มใหม่ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายที่มีชื่อว่า The Roome Where It Happened : A White House Memoir เขียนโดยนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตอนหนึ่งของหนังสือเล่มดังกล่าวอ้างว่า ผู้นำสหรัฐพยายามแสวงหาความช่วยเหลือจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีน ในการช่วยให้เขาชนะการเลือกสมัยสองซึ่งกำลังจะมีขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

นายโบลตัน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทรัมป์ระหว่างปี 2018-2019 เผยในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มใหม่ความยาว 577 หน้าโดยโบลตันอ้างว่า เมื่อคราวการประชุมG20ที่เมืองโอซาก้าประเทศญีปุ่นปี 2019 ผู้นำสหรัฐได้พบหารือแบบทวิภาคีกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีนได้กล่าวเชิงบ่นว่านักการเมืองและกลุ่มนักวิจารณ์การบางฝ่ายในสหรัฐ ต้องการทำลายบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ คลายๆกับสงครามเย็นยุคใหม่ ซึ่งแม้นายสีจะไม่ได้พาดพิงถึงใคร แต่ทรัมป์คาดว่าอาจเป็นบรรดาพรรคเดโมแครต

ซึ่งต่อมาผู้นำสหรัฐได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดถึงประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐช่วยปลายปี2020 เป็นนัยว่าหากเขาได้รับการเลือกตั้งสมัยสอง จะช่วยรักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำสองชาติ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการค้าของจีนได้ โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายสินค้าเกษตรกับสหรัฐ

นอกจากนี้นายโบลตันยังกล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่เขาทำงานในทำเนียบขาว ได้พบถึงการมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่าง นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศกับปธน.ทรัมป์ ซึ่งเขาสัมผัสได้ว่าทรัมป์แทบไม่เข้่าใจการบริหารประเทศเลย โดยเฉพาะในการรับฟังสรุปรายงานด้านข่าวกรอง ทรัมป์มักเป็นฝ่ายพูดมากกว่าการรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคง

นี่เป็นเพียงบางส่วนที่นายโบลตันกล่าวอ้างลงในหนังสือเล่มใหม่ของเขา ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เตรียมฟ้องร้องนายโบลตัน พร้อมร้องขอคำสั่งศาลให้ยุติการตีพิมพ์และจำหน่ายหนังสือเล่มใหม่ของเขา โดยอ้างว่าเต็มไปด้วยเนื้อหาสุ่มเสี่ยงด้านความมั่นคงและขายความลับทางราชการ ทั้งข้อมูลส่วนใหญ่บิดเบือนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่ทว่าหากหนังสือของนายโบลตันถูกจำหน่าย ทางยุติธรรมก็เตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วยการให้อายัดผลกำไรที่ได้จากการจำหน่ายเข้าสู่คลังของรัฐ