posttoday

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

02 มิถุนายน 2563

ผู้นำสหรัฐขู่ใช้กม.ยุคสงครามกลางเมืองจัดการม็อบ หากท้องถิ่นคุมไม่อยู่ ด้านผลชันสูตรจอร์จ ฟลอยด์ ชี้ขาดอากาศหายใจตาย

เหตุการณ์ที่ชาวอเมริกันหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐออกมาชุมนุมประท้วงแสดงความไม่พอใจพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมต่อการตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ถูกตำรวจผิวขาวในเมืองมินเนอาโปลิส ใช้เข่ากดจนเสียชีวิตเป็นเหตุให้สถานการณ์การประท้วงทั่วทั้งสหรัฐทวีความรุนแรงต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 6 วันแล้ว และยังคงไม่มีท่าทีจะสงบลง จากการที่ท่าทีของผู้นำสหรัฐออกมาแสดงจุดยืนใช้ไม้แข็งจัดการกับม็อบ แทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาความรุนแรงในตำรวจ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ถึงสถานการณ์ประท้วงและจลาจลจากการตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ โดยผู้นำสหรัฐได้ยื่นคำขาดให้กลุ่มผู้ประท้วงยุติการกระทำโดยทันที ไม่เช่นนั้นเขาจะใช้อำนาจตามกฎหมาย Posse Comitatus Act ซึ่งถูกตราขึ้นเมื่อปี 1807 ช่วงสงครามกลางเมือง บังคับใช้ในการส่งทหารจากส่วนกลางเข้าควบคุมสถานการณ์ประท้วงรวมถึงอาจมีการประกาศเคอร์ฟิว หากเหตุประท้วงในแต่ละรัฐยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ก่อนหน้านี้ กองกำลังพิทักษ์ชาติ (United States National Guard) ได้ถูกส่งลงพื้นที่แล้วกว่า 15 รัฐทั่วสหรัฐตามคำสั่งของท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่อาจรักษาความสงบได้ แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า "รัฐบาลท้องถิ่นในหลายแห่งล้มเหลวในการปกป้องประชาชนเช่นกัน"

อย่างไรก็ดี ตอนหนึ่งที่ผู้นำสหรัฐแถลงเขาให้คำมั่นว่า "ภารกิจแรกและภารกิจอันสูงสุดของผมในฐานะประธานาธิบดีคือการปกป้องประเทศอันยิ่งใหญ่นี้และพิทักษ์ชาวอเมริกัน .. ผมสาบานตนจะยึดมั่นในกฎหมายของสหรัฐ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมจะปฏิบัติตาม" นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังให้คำมั่นจะมอบความยุติธรรมกับจอร์จ ฟลอดย์ และการตายของเขาจะไม่สูญเปล่า แต่ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐก็ยังขู่จะใช้กฎหมายพิเศษและเคอร์ฟิวส่งทหารเข้าควบคุมสถาณการณ์ หากการประท้วงเลวร้ายถึงขีดสุด ส่งผลให้หลังมีคำแถลงดังกล่าวเกิดเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย

ทั้งนี้ หลังการเสร็จสิ้นคำแถลงผู้นำสหรัฐได้พร้อมรัฐมนตรียุติธรรม รัฐมนตรีกลาโหม และนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาและผู้เป็นบุตรเขย ได้เดินทางไปยังโบสถ์เซนต์จอห์นส์อายุ 200 ปีที่อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบขาว หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงเผาทำลายและมีการเผาจนเสียหายบางส่วนระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยผู้นำสหรัฐยืนถือพระคำภีร์ไบเบิลพร้อมกล่าวว่า นี่คือไบเบิล เรามีประเทศที่ยิ่งใหญ่ ผมพยายามทำให้มันดีและปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ผลการชันสูตรของคณะสืบสวนอิสระพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ถูกฆาตด้วยการทำให้ขาดอากาศหายใจ (mechanical asphyxiation) ซึ่งสอดคล้องกับภาพเหตุการณ์ที่ปรากฎว่านายฟอลยด์ถูกตำรวจใช้เข่ากดที่คอจนเสียชีวิต โดยก่อนตายเขาได้พยายามพูดว่า "ผมหายใจไม่ออก" ด้านศาลรัฐมินเนอาโปลิสได้สั่งเลื่อนการนำตัวนายตำรวจที่เกี่ยวข้องขึ้นพิจารณาคดีออกไปก่อน เนื่องจากหวั่นว่าอาจเกิดสถานการณ์ความรุนแรงขึ้น

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ

ทรัมป์ขู่ใช้เคอร์ฟิว-ส่งทหารปราบจลาจล หากประท้วงยังรุนแรงยืดเยื้อ