ทรัมป์ขู่ปิดบริษัททวิตเตอร์ ฉุนถูกติดป้ายแพร่ข่าวปลอม
ทรัมป์ขู่ใช้อำนาจพิเศษจัดการบริษัทโซเชียลมีเดีย หลังถูกทวิตเตอร์ติดแท็กเตือน fact-check แพร่ข้อมูลเท็จ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าอาจเตรียมหามาตรการจัดการกับบรรดาแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยอ้างว่าโซเชียลมีเดียเหล่านี้พยายามปิดปากการแสดงความคิดเห็นของนักการเมืองฝ่ายอนุนักษ์นิยม จึงต้องให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น จนอาจถึงขึ้นหยุดการดำเนินงานเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
ความไม่พอใจของผู้นำสหรัฐมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ผู้ซึ่งชื่นชอบการใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัวซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 80 ล้านบัญชี ในการสื่อสารทางการเมืองเรื่องต่างๆ ได้ถูกทางทวิตเตอร์ติดป้ายแท็ก fact-check หรือเตือนการตรวจสอบเพื่อป้องกันการแพร่ข้อมูลเท็จ จากการที่ผู้นำสหรัฐ ทวีตข้อความโจมตีเกี่ยวกับประเด็นการใช้บัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์ (Mail-In Ballots) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสระบาด โดยทรัมป์กล่าวว่า บัตรรูปแบบดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดการทุจริตและบิดเบือนผลการเลือกตั้งได้
เป็นเหตุให้ทวิตเตอร์ได้ติดแท็กfact-check เพื่อให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่เห็นข้อความดังกล่าวรับทราบข้อมูลในอีกมุมหนึ่ง ด้วยการเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลจากหลากหลายแห่งที่เชื่อถือได้ว่าไม่พบหลักฐานการฉ้อโกงผลการเลือกตั้งจากการใช้ระบบลงคะแนนแบบMail-In Ballot
แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่า ผู้นำสหรัฐเตรียมลงนามในคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารเกี่ยวกับการควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ดำเนินกิจการแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ในวันที่ 28 พ.ค.นี้ แต่ไม่ได้มีรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ขณะที่ทางด้านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และกูเกิล ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวหากทรัมป์ลงนามจริง ยังคงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆขณะนี้
ด้านปธน.ทรัมป์ได้ทวิตข้อความโจมตีอีกว่า "บรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อเซ็นเซอร์การหาเสียงเลือกตั้ง2020 เราจะไม่มีเสรีภาพให้หลงเหลืออีกต่อไป ผมจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ตอนเลือกตั้งปี2016 พวกเขาก็ทำ แต่พ่ายแพ้ มาคราวนี้พวกเขาทุ่มเทแทรกแซงอย่างบ้าคลั่ง ค่อยดูละกัน"
Big Tech is doing everything in their very considerable power to CENSOR in advance of the 2020 Election. If that happens, we no longer have our freedom. I will never let it happen! They tried hard in 2016, and lost. Now they are going absolutely CRAZY. Stay Tuned!!!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) May 28, 2020