posttoday

คนไทยต้องยอมรับภัยโรคระบาดอย่างมีสติ

30 มกราคม 2563

ส่องปฏิกิริยาผู้เสพข่าวไวรัสอู่ฮั่น ส่วนใหญ่รับฟังเพื่อเตรียมตัวตั้งรับ ไม่ตื่นตระหนก ไม่ตีโพยตีพาย

ส่องปฏิกิริยาผู้เสพข่าวไวรัสอู่ฮั่น ส่วนใหญ่รับฟังเพื่อเตรียมตัวตั้งรับ ไม่ตื่นตระหนก ไม่ตีโพยตีพาย

ขณะที่สำนักข่าวทั่วโลกให้ความสนใจรายงานการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส เพื่ออัพเดทสถานการณ์ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่าเรียลไทม์ ทั้งการแจ้งตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต การรับพลเมืองแต่ละประเทศออกจากเมืองอู่ฮั่น และสถานการณ์โดยรวมที่เกี่ยวข้อง เช่น งานวิจัย การประเมินความเสี่ยง ความเสียหายต่อเศรษฐกิจ เป็นต้น

ประชาชนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะที่ประเทศของตัวเองพบผู้ติดเชื้อต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวที่สื่อมวลชนท้องถิ่นนำเสนอ อาทิ ในเพจเฟซบุ๊คของสำนักข่าว The Straits Times ของสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับต้นๆ

Jackerson Ong เผยว่า “ผมคิดว่าควรส่งหน้ากากอนามัยไปตามบ้านเลย ไม่อย่างนั้นคนจะไปรวมตัวกันหนาแน่นบริเวณสถานที่แจก เราควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะๆ”

Dc Dc ระบุว่า “แนะนำให้แจกให้คนที่ต้องการมากที่สุด เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีรายได้น้อยดีกว่า แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการไม่ให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดและราคาสูงเกิน”

ส่วนข่าวที่รายงานว่าชาวสิงคโปร์ 92 รายเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นกลับมาถึงสิงคโปร์แล้ว มีชาวสิงคโปร์เข้ามาคอมเม้นต์ต้อนรับเพื่อนร่วมชาติอย่างอบอุ่น อาทิ Typical Singaporean คอมเม้นต์ว่า “รอฟังข่าวนี้มาหลายวันแล้ว ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้เราควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพลเมืองเป็นหลัก รัฐบาลของเราจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเงียบเชียบ”

Toh Hai Hoe Damien บอกว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ขอให้ปลอดภัย แข็งแรง และเข้ารับการกักตัว 14 วันตามกฎหมายนะ”

Naina Bhai Bhai คอมเม้นต์ว่า “ยอดเยี่ยมมากสิงคโปร์ ขอบคุณมากที่พาคนสิงคโปร์กลับบ้าน”

Violet Kang บอกว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ดูแลตัวเองและขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”

Leonard Low ระบุว่า “ชาวญี่ปุ่น 2 คนที่เพิ่งเดินทางกลับก็ไม่แสดงอาการป่วย ทางการต้องรับรองนะว่ามีการกักตัว”

Boho Yus บอกว่า “ต้อนรับกลับบ้าน สิงคโปร์รักคุณ”

คนไทยต้องยอมรับภัยโรคระบาดอย่างมีสติ

ขณะที่ส่วนหนึ่งยังให้กำลังใจและแสดงความเป็นห่วงทั้งชาวจีนและเพื่อนร่วมชาติ เช่น Michelle Lee แสดงความคิดเห็นต่อข่าวที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังปิดสาขาทุกร้านชั่วคราวในมณฑลหูเป่ยว่า “หวังว่าคนในเมืองอู่ฮั่นจะมีอาหารและสิ่งของจำเป็นเพียงพอ ในฐานะที่เป็นแม่ ฉันคิดภาพไม่ออกเลยว่าหากต้องอยู่ภายในเมืองที่ถูกสั่งปิดและอยู่ภายใต้ความกังวลเครื่องอาหารและความปลอดภันของลูกๆ จะเป็นอย่างไร #wuhanjiayou (#อู่ฮั่นสู้สู้)”

Ng Yuehan บอกว่า “เท่าที่เห็นคือผู้คนยังสวมหน้ากากอนามัยไม่ถูก ควรให้ความรู้ในการใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี การสวมไว้ที่คางไม่ช่วยอะไรเลย” ส่วน Candy Rueangsri บอกว่า “ฮีโร่ตัวจริงคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตผู้คนทุกวัน”

ฝั่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในญี่ปุ่นก็ติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสอู่ฮั่นอย่างใกล้ชิดเช่นกัน สำหรับข่าวที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเครื่องบินไปรับพลเมืองถือว่ามีการแสดงความคิดเห็นมากเป็นอันดับต้นๆ อาทิ เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ค Ryo Ricardo Kurechi พูดถึงรัฐบาลว่า “นั่นเป็นเรื่องดี แต่ผมอยากให้รัฐบาลกักตัวผู้โดยสารเหล่านี้เพื่อตรวจดูอาการระยะหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง”

คนไทยต้องยอมรับภัยโรคระบาดอย่างมีสติ

????? Sakura ใส่อีโมติคอนยกนิ้วโป้งและบอกว่า “พวกเขามีแพทย์อยู่ด้วยบนเครื่องบิน ทั้งหมดคือครอบครัวชาวญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นไปช่วยเหลือพวกเขาอย่างรวดเร็ว น่าชื่นชมมาก”

ส่วน Freddie Akamine Dofredo บอกว่า “มั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมและมีแผนรับมืออย่างดีก่อนที่จะบินไปรับพวกเขากลับมา รัฐบาลคงไม่เอาชีวิตของคน 100 ล้านคนไปเสี่ยง คนญี่ปุ่นที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่นก็เป็นพลเมืองของประเทศนี้ และไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะได้รับการต้อนรับกลับบ้านเสมอ”

ด้าน Rebecca Vanzant คอมเม้นต์ว่า “เป็นความคิดที่ดีที่พาพวกเขากลับบ้าน”

คนไทยต้องยอมรับภัยโรคระบาดอย่างมีสติ

Blake Foster บอกว่า “หลายคนยังหลงประเด็นว่าทำไมรัฐบาลต่างๆ จึงบินไปรับพลเมืองกลับประเทศ นโยบายของรัฐบาลในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในจีนจะส่งผลถึงพลเมืองของประเทศอื่นด้วย นอกจากนี้รัฐบาลจีนเองก็ต้องการส่งพลเมืองของประเทศอื่นที่อยู่ในพื้นที่การระบาดกลับประเทศ เพราะเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เริ่มขาดแคลน พูดอีกอย่างคือ แม้จะมีความเสี่ยงติดเชื้อ แต่การพาพลเมืองกลับเพื่อมารับการรักษาก็ดีกว่าปล่อยพวกเขาไว้ในพื้นที่วิกฤต ขอให้คนที่ติดเชื้อทุกคนฟื้นตัว และขอให้โรคระบาดนี้ผ่านพ้นไป”

แน่นอนว่าแต่ละข่าวย่อมมีคนที่ไม่เห็นด้วยหรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล แต่เท่าที่สังเกตเห็นคือ ประชาชนในแต่ละประเทศจะรับฟังข่าวสารเพื่อเตรียมตัวตั้งรับกับเหตุการณ์ โดยไม่มีการตื่นตระหนกหรือตีโพยตีพายกับข่าวบางข่าวที่แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ต้องเตือนเพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายหรือความเสี่ยง

ผิดกับคอมเม้นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยบางรายซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนน้อย ที่นอกจากจะไม่ยอมรับความจริงว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสมากที่สุด เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาบ้านเราจำนวนมหาศาลแล้ว ยังตีความว่าข่าวบางข่าวที่สื่อนำเสนอเพื่อเตือนให้คนไทยได้เตรียมรับมือและระวังตัว มีเจตนาทำลายชื่อเสียงของชาติหรือจงใจสร้างความตระหนก

การยัดเยียดข้อหาไม่รักชาติให้สื่อต้องไม่ลืมว่าสื่อเองก็เป็นคนไทย อาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย หากภาพลักษณ์ของเมืองไทยเสียหายจนส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ สื่อเองก็ไม่รอดเช่นกัน