posttoday

มีผู้นำโง่ชาวอู่ฮั่นจะตายกันหมด

28 มกราคม 2563

ชาวเมืองอู่ฮั่นวิจารณ์ผู้นำท้องถิ่นอย่างโจ่งแจ้งว่ารับมือกับไวรัสอู่ฮั่นล่าช้าจนเชื้อแพร่กระจายแถมปิดบังข้อมูล

ชาวเมืองอู่ฮั่นวิจารณ์ผู้นำท้องถิ่นอย่างโจ่งแจ้งว่ารับมือกับไวรัสอู่ฮั่นล่าช้าจนเชื้อแพร่กระจายแถมปิดบังข้อมูล

ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสในเมืองอู่ฮั่นที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น ประชาชนในท้องถิ่นพากันวิพากษ์วิจารณ์การรับมือที่ล่าช้าของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมทั้งกดดันให้นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน

ทางการจีนรายงานการพบเชื้อไวรัสชนิดใหม่ไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ปีที่แล้ว โดยพบผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่น 27 ราย ต่อมาวันที่ 12 ม.ค. นักวิทยาศาสตร์จีนจัดลำดับยีนของเชื้อไวรัสปริศนาและแบ่งปันไปยัง WHO

ตรงกันข้ามคณะกรรมการสาธารณสุขเมืองอู่ฮั่นกลับระบุว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ตั้งแต่วันที่ 5-10 และ 12-16 ม.ค. ในช่วงที่การเดินทางครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลกในช่วงตรุษจีนกำลังจะเกิดขึ้น และผู้คนนับล้านจะต้องเดินทางผ่านเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทาง

ระหว่างนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรายวัน จนเมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นได้สั่งปิดเมืองไม่ให้เดินทางเข้าออก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากทางการท้องถิ่น ส่งผลให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเริ่มไม่พอใจ พากันต่อว่าผู้นำท้องถิ่นว่าไม่มีการเตรียมพร้อมและทำงานล่าช้า

จนกระทั่งเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือเกือบ 1 เดือนนับตั้งแต่แจ้งเรื่องไปยัง WHO ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น ได้แก่ หวังเสี่ยวตง ผู้ว่าราชการมณฑลหูเป่ย และโจวเซียนวั่ง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น นั่งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับเชื้อโคโรนาไวรัส

แต่แทนที่ชาวบ้านจะอุ่นใจ กลับกลายเป็นว่ายิ่งสงสัยในความสามารถในการรับมือกับเชื้อไวรัส เนื่องจากขณะแถลงข่าวผู้ว่าฯ ไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งขัดกับกฎของเมืองอู่ฮั่นที่ประกาศให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

ส่วนตัวนายกเทศมนตรีก็สวมหน้ากากอนามัยกลับด้าน เอาด้านในออกด้านนอก จนผู้ใช้เว่ยป๋อรายหนึ่งตั้งคำถามว่า “ถ้าแม้แต่นายกเทศมนตรียังไม่รู้วิธีสวมหน้ากากอนามัย แล้วคนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไร”

อีกทั้งทั้งคู่ยังแจ้งจำนวนหน้ากากอนามัยที่ผลิตในเมืองอู่ฮั่นไม่ตรงกัน โดยนายกเทศมนตรีต้องแก้ตัวเลขถึง 3 ครั้งจึงจะถูกต้อง ยิ่งลดคะแนนความเชื่อมั่นในสายตาประชาชน

ในวันต่อมา โจวเซียนวั่ง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นยังเปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CCTV ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อชี้แจงปัญหาต่างๆ โดยถูกซักถามอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นประเด็น การขยับตัวช้า การเปิดเผยข้อมูล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดเชื้อ ไม่สั่งหยุดการเดินทางช่วงตรุษจีน

นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นยอมรับว่าเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนช้าไป โดยโทษว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลกลาง

“โคโรนาไวรัสเป็นโรคติดต่อ และโรคติดต่อก็มีกฎหมายควบคุมอยู่ ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลต้องเป็นไปตามกฎหมาย ในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หลังจากได้รับข้อมูลมาแล้วผมต้องได้รับการอนุมัติจากรับบาลกลางจึงจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นได้”

โจวเซียนวั่งยังเผยอีกว่า ไม่มีใครสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้แต่เมืองที่มีงบประมาณมากมายก็ทำไม่ได้ “ในขณะที่ทุกคนกำลังทำความเข้าใจกับเชื้อไวรัสชนิดนี้ เราเพิ่งรู้ว่ามันอันตราย หากผมรู้ตั้งแต่แรกว่าไวรัสนี้จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและหาวิธีรับมือได้ทันก็คงดี แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่ามันรุนแรงตั้งแต่แรก”

นอกจากนี้ นายกเทศมนตรียังประกาศว่าพร้อมลาออกหากการปิดเมืองเป็นความผิด

หลังจากคลิปการสัมภาษณ์ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียก็มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยความโกรธ ส่วนใหญ่กล่าวหาว่านายกเทศมนตรีละเลยหน้าที่และเรียกร้องให้ลาออก รวมถึงบล็อกเกอร์ดังคนหนึ่งที่มีผู้ติดตามถึง 6.8 ล้านคน เรียกร้องให้ “นายกเทศมนตรีลาออกโดยสมัครใจเอง ซึ่งวิธีนี้จะยังพอเหลือศักดิ์ศรีอยู่บ้าง”

นอกจากนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังตำหนิโจวเซียนวั่งที่ปล่อยให้ชาวจีนเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อพบญาติในช่วงตรุษจีนในพื้นที่ที่พบการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ถึง 62 ราย ซึ่งอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายมากขึ้น

ความล่าช้าของทางการเมืองอู่ฮั่นนี้ยังสร้างความไม่พอใจในวงกว้าง รวมถึงจางโอวยา ผู้สื่อข่าวอาวุโสของนักสือพิมพ์ Hubei Daily ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถึงกับเรียกร้องให้ย้ายนายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นทันที

“เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ ผมเคยเชื่อว่าการเปลี่ยนตัวผู้นำที่รับมือสถานการณ์เร่งด่วนไม่ได้ ทำให้การแก้ปัญหาสะดุด แต่จากสถานการณ์ที่มีแต่จะแย่ลงนี้ คนที่อยู่ในตำแหน่งกลับไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ สำหรับเมืองอู่ฮั่น ได้โปรดเปลี่ยนผู้นำอย่างเร่งด่วน” จางระบุ

น่าสังเกตว่า ปกติแล้วผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนจะไม่ค่อยมีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นโดยตรง เพราะมักจะถูกทางการจีนเซ็นเซอร์หรือลบทิ้ง ขณะที่หลังจากโคโรนาไวรัสระบาด ชาวจีนกลับวิจารณ์กันอย่างโจ่งครึ่มทั้งในวีแชทและเว่ยป๋อ

อย่างน้อยการตำหนิรัฐบาลท้องถิ่นอย่างเปิดเผยในโซเชียลมีเดียจะยังคงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะหลังจากนี้รับบาลจีนน่าจะไล่ลบเช่นเคย

ข่าวชิ้นหนึ่งของ Beijing Youth Daily ที่สัมภาษณ์หมอรายหนึ่งที่เคยส่งข้อความเตือนเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วซึ่งทางหนังสือพิมพ์โพสต์ลงโซเชียลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถูกลบไปแล้ว

ขณะที่คอมเม้นต์ของจางโอวยาก็ถูกสั่งให้ลบแล้วเช่นกัน