posttoday

สภาผู้แทนฯสหรัฐ เดินหน้าร่างญัตติถอดถอน "ทรัมป์"

06 ธันวาคม 2562

สภาผู้แทนสหรัฐเตรียมร่างบทบัญญัติชี้มูลความผิดทรัมป์แล้ว คาดลงมติถอดถอนให้ได้ก่อนคริสต์มาส

สภาผู้แทนสหรัฐเตรียมร่างบทบัญญัติชี้มูลความผิดทรัมป์แล้ว คาดลงมติถอดถอนให้ได้ก่อนคริสต์มาส

เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค. ) ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของไทย นางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต ได้แถลงสั่งให้คณะกรรมาธิการยุติธรรมของสภาผู้แทน ร่างญัตติในการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว

นางแนนซี่ กล่าวในตอนหนึ่งของการแถลงว่า "เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ด้วยความความจงรักภักดีต่อบิดาผู้ก่อตั้งประเทศ รัฐธรรมนูญสหรัฐ และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักต่ออเมริกาในวันนี้ฉันขอให้สภาดำเนินการร่างญัตติการฟ้องรองถอดถอน"

"ข้อเท็จจริงของปธน.ทรัมป์คือการที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยูเครนอย่างชัดเจนและโต้แย้งไม่ได้ ... ประธานาธิบดีทำให้เราไม่มีทางเลือก"

 

สภาผู้แทนฯสหรัฐ เดินหน้าร่างญัตติถอดถอน "ทรัมป์" นางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐ

ทั้งนี้ ในการแถลงนางเปโลซี่นางไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า ร่างญัตติดังกล่าวจะถูกยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนฯซึ่งมีสส.เดโมแครตครองเสียงข้างมากเมื่อใด แต่รายงานข่าวเชื่อว่าบทบัญญัติถอดถอนนี้ จะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 12 ธ.ค. และคาดสภาจะทำการลงมติได้ก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาส

ระหว่างเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ได้มีนักข่าวจาก Sinclair TV network ถามประธานแนนซี่ว่า "ที่เธอทำเช่นนี้เพราะเธอเกลียดประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่?"

นางเปโลซี่ ตอบว่า "ดิฉันไม่ได้เกลียดใครทั้งสิ้น .. ในฐานะคาทรอลิก ดิฉันไม่ได้เกลียดใคร อย่ากล่าวโทษดิฉันด้วยความเกลียดชังเลย"

"เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึ่งข้อเท็จจริงคือการฝ่าฝืนคำสาบานตนของประธานาธิบดีเอง .. และในฐานะชาวคาทอลิกฉันไม่พอใจที่คุณใช้คำว่าเกลียดในประโยคที่พูดกับฉัน ฉันสวดอ้อนวอนให้ประธานาธิบดีตลอดเวลา ดังนั้นอย่ายุ่งกับฉันเมื่อพูดถึงเรื่องแบบนี้"

หากว่าบัญญัติดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนแล้ว ก็จะถูกนำส่งไปพิจารณาต่อยังวุฒิสภาซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่สังกัดรีพับลิกกันในปีหน้า โดยวุฒิสภายังต้องตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนผู้นำสหรัฐว่า สมควรถูกฟ้องร้องและวุฒิสภาควรลงมติถอดถอนหรือไม่ แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็นไปได้ยากที่วุฒิสภาจะโหวตรับมติของสภาผู้แทนเรื่องการถอดถอนดังกล่าว

ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยรายงาน 300 หน้า ของผลการไต่สวนโดยสภาผู้แทนฯสหรัฐ ซึ่งระบุว่าผู้นำสหรัฐได้ใช้อำนาจในการเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในจากกรณียูเครน ที่ผู้นำสหรัฐพยายามกดดันให้ผู้นำยูเครนเล่นงานบุตรชายนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2020 เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้งในปีหน้าอย่างชัดเจน การกระทำของปธน.ทรัมป์เป็นการล้มล้างนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ และยกประโยชน์ส่วนตันมากกว่าความมั่นคงของชาติ"