posttoday

"เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์" กำลังจะรวยกว่าทั้ง บิล เกตส์ และ เจฟฟ์ เบโซส

26 พฤศจิกายน 2562

การเข้าซื้อหุ้น Tiffany & Co. แบรนด์เครื่องประดับหรู จะทำให้เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าพ่อ Louis Vuitton กลายเป็นบุคคลผู้รวยสุดในโลก

การเข้าซื้อหุ้น Tiffany & Co. แบรนด์เครื่องประดับหรู จะทำให้เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าพ่อ Louis Vuitton กลายเป็นบุคคลผู้รวยสุดในโลก

เมื่่อวานนี้ (25 พ.ย.) มีรายงานข่าวว่าเครือ LVMH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์เครื่องหนัง Louis Vuitton และสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรูหราอีกมากมายถึง 75 แบรนด์ ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อหุ้นในกิจการของ Tiffany & Co. แบรนด์เครื่องประดับหรูสัญชาติสหรัฐอันมีกล้องสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยมูลค่าสูงถึง 16,200 ล้านดอลลาร์ หรือตก 135 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ราว 4,000 บาท)

การเข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co. จะส่งผลให้ LVMH กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบรนด์เครื่องประดับหรูกล่องสีฟ้า ซึ่งนั่นหมายความว่าเครือ LVMH ซึ่งมีเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส วัย 70 ปี ที่ปัจจุบันรั้งตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้รวยอันดับ 4 ของโลก จากการที่เขาและครอบครัวถือหุ้นใน LVMH กว่า 47% มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจนอาจกลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกในไม่ช้า หากกระบวนการเข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co. เสร็จสิ้นในปีหน้า

 

"เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์" กำลังจะรวยกว่าทั้ง บิล เกตส์ และ เจฟฟ์ เบโซส tiffany & co.

จากข้อมูลของการจัดอันดับความมั่งคั่งแบบเรลไทม์ของฟอร์บส์พบว่า ปัจจุบันเจฟฟ์ เบโซส์ มีมูลค่าทรัพย์สินมากที่สุดถึง 110 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยบิล เกสต์ ที่ 107 พันล้านดอลลาร์ ส่วนอาร์โนลต์อยู่ในอันดับสามที่ 106 พันล้านดอลลาร์

ข่าวการเข้าซื้อกิจการของ Tiffany & Co. ส่งผลให้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นของ LVMH เพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 1%

นักวิเคราะห์การตลาดมองว่า การเข้าซื้อกิจการของ LVMH จะทำให้บริษัทเข้าถึงตลาดแบรนด์เนมในสหรัฐมากขึ้น รวมถึงเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานายอาร์โนลต์เพิ่งเปิดโรงงานผลิตสินค้าแฟชั่นหรูหราในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ โดยมีประธานาธิบีดีทรัมป์ไปร่วมการเปิดโรงงานแห่งนี้ด้วย

LVMH กล่าวในแถลงการณ์ว่า การซื้อกิจการ Tiffany & Co. จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง ธุรกิจกลุ่ม นาฬิกาและจิวเวลรี และ จะสามารถสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ ในเครือของ LVMH ที่มีอยู่แล้วอีกทั้ง 75 แบรนด์