posttoday

ซักเคอร์เบิร์กยั๊วโดนแย่งตลาด กล่าวหา TikTok ไม่เป็นประชาธิปไตย

20 พฤศจิกายน 2562

TikTok ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกและเป็นโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นคู่แข่งกับเฟซบุ๊คโดยตรง

TikTok ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกและเป็นโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นคู่แข่งกับเฟซบุ๊คโดยตรง

เมื่อเร็วๆ นี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คกล่าวโจมตี TikTok แอพพลิเคชั่นคลิปวิดีโอสั้นสัญชาติจีนที่ฮิตไปทั่วโลกที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ของสหรัฐว่า “ในขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง WhatsApp ของเฟซบุ๊คถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ประท้วงและนักกิจกรรม เนื่องจากมีระบบเข้ารหัสข้อมูลและการปกป้องความเป็นส่วนตัว แต่บน TikTok ของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงกลับถูกเซ็นเซอร์ แม้แต่ในสหรัฐก็ด้วย นี่คืออินเทอร์เน็ตที่พวกเราต้องการหรือ”

และก่อนหน้านี้เจ้าพ่อเฟซบุ๊คยังเคยวิจารณ์ TikTok ว่าเซ็นเซอร์เนื้อหาบางส่วนจากผู้ใช้และโชว์เฉพาะเนื้อหาที่อวยรัฐบาลจีน

ทำให้ TikTok ออกแถลงการณ์โต้ว่า นโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาของบริษัทควบคุมโดยทีมเจ้าหน้าที่ในสหรัฐและไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลต่างประเทศ รัฐบาลจีนไม่ได้ร้องขอให้บริษัทเซ็นเซอร์เนื้อหาและไม่มีอำนาจกระทำได้ เนื่องจาก TikTok ไม่ได้ปฏิบัติการในจีน และย้ำว่าบริษัทไม่ได้สั่งลบคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับการประท้วงในฮ่องกง

แต่หากย้อนไปเมื่อปี 2016 ซักเคอร์เบิร์กกลับทุ่มเทความพยายามถึง 6 เดือนเพื่อจะเจรจาซื้อแอพพลิเคชั่นลิปซิงค์ของจีนที่ชื่อว่า Musical.ly ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นอเมริกันซึ่งต่อมากลายเป็น TikTok ที่เจ้าตัวเพิ่งกล่าวหาว่าเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาจีน เชิญชวนให้ฟอลโลเวอร์ในเฟซบุ๊คอ่านนิยายไซไฟของจีน หรือการลงทุนวิ่งจ๊อกกิ้งฝ่าหมอกควันบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินของจีนเพื่อตี้ซี้กับจีน ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อที่เฟซบุ๊คจะได้บุกตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของโลก

แต่สุดท้ายดีลการซื้อขายก็ไม่เกิดขึ้น ต่อมาในปี 2017 ByteDance บริษัทเทคโนโลยีของจีนก็เข้าซื้อ Musical.ly แล้วพัฒนาจนเป็น TikTok ในปัจจุบัน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เฟซบุ๊คเป็นฝ่ายทิ้งดีลเอง เนื่องจากกังวลเรื่องฐานผู้ใช้ Musical.ly ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น และการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีน ขณะที่แหล่งข่าววงในเผยกับ BuzzFeed ว่าเฟซบุ๊คไม่สามารถปิดดีลได้

การออกมาโจมตี TikTok ซึ่งเป็นคู่แข่งของเฟซบุ๊คครั้งล่าสุดนี้จึงถูกมองว่าตั้งใจจะเย้ย TikTok โดยอดีตพนักงานระดับสูงของเฟซบุ๊คเผยกับ BuzzFeed ว่า “เฟซบุ๊คโกรธมากที่ TikTok เป็นแอพพลิเคชั่นเดียวที่เฟซบุ๊คไม่สามารถเอาชนะได้ เลยเปลี่ยนมาเล่นงานในประเด็นทางการเมืองแทน”

แต่ต้องไม่ลืมว่าในขณะที่ซักเคอร์เบิร์กโจมตีคู่แข่งว่าแอบล้วงข้อมูลผู้ใช้ เฟซบุ๊คเองก็ยังมีคดีนี้ติดตัวอยู่เช่นกัน นั่นก็คือกรณีเคมบริดจ์ แอนาลิติกา (Cambridge Analytica) ที่นำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานของเฟซบุ๊คกว่า 87 ล้านคนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จนอาจมีส่วนทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ชนะการเลือกตั้ง และต่อมาซักเคอร์เบิร์กยังถูกวุฒิสภาสหรัฐสอบสวนเครียดหลายชั่วโมง

อย่างไรก็ดี แม้จะรู้ว่าแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้ แต่ผู้ใช้บางส่วนก็ไม่กังวล อาทิ เคย์ลา เคอร์รี นักศึกษาคณะวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิสซูรีของสหรัฐ ที่เป็นแฟนประจำของ TikTok เผยว่า “มันชัดเจนอยู่แล้วว่า TikTok เป็นของจีนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ไปขายให้รัฐบาลจีน แต่เอาจริงๆ มันก็เป็นแค่ราคาเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ใช้ต้องจ่าย เพราะแอพพลิเคชั่นนี้ฟรี”

นักศึกษารายนี้ยังบอกอีกว่า “คนรุ่นเราใช้โซเชียลมีเดียทุกช่องทาง และพวกเราก็เคยได้ยินเรื่องราวมากมายว่าใครๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของพวกเราได้” เธอยกตัวอย่างว่าการลงชื่อเข้าใช้บัญชีของกูเกิลเป็นการอนุญาตให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเธอได้ซึ่งเธอไม่ค่อยปลื้มเท่าไร แต่หากเทียบกับการใช้ชีวิตโดยไม่มีกูเกิล เธอบอกว่าเธอคงบ้าแน่

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ เดือน ก.พ. 2019 มีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น TikTok ทั่วโลก 1,000 ล้านครั้ง ไม่รวมการดาวน์โหลดในระบบแอนดรอยด์ในจีน