posttoday

ยิ่งมนุษย์ทำโลกร้อน ไฟป่าก็จะยิ่งรุนแรง

29 ตุลาคม 2562

นักวิทยาศาสตร์พบไฟป่าแคลิฟอร์เนียที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีๆ มีภาวะโลกร้อนจากน้ำมือมนุษย์เป็นปัจจัยหลัก

นักวิทยาศาสตร์พบไฟป่าแคลิฟอร์เนียที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีๆ มีภาวะโลกร้อนจากน้ำมือมนุษย์เป็นปัจจัยหลัก

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเผชิญไฟป่ารุนแรงหลายครั้ง ปี 2017 เป็นปีที่ไฟป่าสร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ปีถัดมาไฟป่าเมนโดซิโนทุบสถิติเป็นไฟป่าที่กินพื้นที่มากที่สุดของแคลิฟอร์เนีย และจากสถิติที่ผ่านมาพบตัวเลขที่น่าตกใจว่า 6 ใน 10 ไฟป่าที่กินพื้นที่มากที่สุดที่มีการบันทึกไว้เกิดขึ้นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้เอง

ส่วนในปีนี้ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งรัฐแล้ว หลังจากกระแสลมทำให้ไฟป่าในพื้นที่โซโนมาซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดังอยู่เหนือการควบคุม ขณะที่ไฟป่าคินเคดทางตอนเหนือที่ปะทุขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็ลุกลามกินพื้นที่กว่า 260 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟได้เพียง 15%

เหตุใดรัฐแคลิฟอร์เนียจึงเกิดไฟป่าบ่อยครั้ง

ปัญหาหลักคือภาวะโลกร้อน สถาบันความพร้อมเพื่อการรับมือสภาพภูมิอากาศของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์คลีย์ (CRI) ที่ทำการศึกษาผลกระทบของสภาพภูมิอากาศต่อพื้นที่เขตเบย์แอเรีย พบว่า ผลกระทบดังกล่าวจะรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญจะเพิ่มขึ้น 77% ภายในปี 2100 หรืออีก 81 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิสูงขึ้น

โลกร้อนเกี่ยวกับไฟป่ายังไง

ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น และตั้งแต่ปี 2014-2018 ก็เป็นช่วง 5 ปี ปีที่แคลิฟอร์เนียมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผิวดินและพืชพรรณต่างๆ แห้งตามมา จึงกลายเป็นเชื้อเพลงชั้นดี การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังทำให้รูปแบบของฝนเปลี่ยนไปด้วย เมื่อปีที่แล้วแคลิฟอร์เนียมีปริมาณน้ำฝนเพียง 1 นิ้ว หรือ 20% ของปริมาณฝนปกติเท่านั้น และยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ระบุว่า ภาวะโลกร้อนยังทำให้ฤดูฝนสั้นลง คือตกระหว่างเดือน ธ.ค.-ก.พ. ส่งผลให้เดือน เม.ย., พ.ค., ก.ย., ต.ค. และ พ.ย. มีอากาศแห้งซึ่งเอื้อต่อการเกิดไฟป่ามากขึ้น ดังนั้นไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียจึงเกิดเร็วขึ้นและยาวนานขึ้น พูดง่ายๆ คือ ยิ่งอากาศร้อนและแห้งยาวนานขึ้น ไฟป่าก็ยิ่งกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ลุกลามรวดเร็ว สร้างความเสียหายมหาศาล และควบคุมยากขึ้น

มีหลักฐานหรือแค่คำกว่างอ้างลอยๆ

ผลการวิจัยหลายชิ้นต่างชี้ไปในทางเดียวกันว่าภาวะโลกร้อนจากน้ำมือมนุษย์ทำให้ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นรายงานพิเศษที่ตีพิมพ์ในวารสาร Bulletin of the American Meteorological Society เมื่อปี 2015 ที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ทำให้แคลิฟอร์เนียเสี่ยงเกิดไฟป่ามากขึ้น หรือผลการศึกษาในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อปี 2016 ที่ระบุในทำนองเดียวกันว่า ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ภาวะโลกร้อนที่เกิดจากมนุษย์เป็นต้นตอให้พื้นที่ที่เกิดไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มเป็น 2 เท่า

นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่ในวารสาร Earth's Future ในสัปดาห์นี้ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียกินพื้นที่มากขึ้นในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ช่วงปี 1970 เป็นต้นมา ไฟป่ามีขนาดใหญขึ้น 8 เท่า มีพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาเพิ่มขึ้น 500%

กระแสลมช่วยโหมกระพือไฟ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไฟป่าแคลิฟอร์เนียโหมหนักคือ กระแสลมซานตาอานา ซึ่งเป็นกระแสลมที่พัดจากทางตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยความที่ลมนี้พัดผ่านทะเลทรายโมฮาวีและภูเขาซานตาอานาจึงเป็นลมร้อนและแห้งแล้ง เมื่อกระแสลมนี้พัดผ่านไปที่ใดก็จะทิ้งความแห้งแล้งไว้ ลมนี้เกิดขึ้นได้ทุกฤดูตั้งแต่เดือน ก.ย.-พ.ค. แต่จะอันตรายที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศแห้งแล้งอยู่แล้ว เมื่อเจอลมซานตาอานาพัดเข้ามาอีก ต้นไม้และพื้นดินก็ยิ่งแห้งกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี หรือหากเกิดไฟป่าเป็นจุดเล็กๆ อยู่แล้ว ลมซานตาอานาก็จะยิ่งโหมกระพือไฟให้ลุกลามเป็นวงกว้าง