posttoday

ถนนไทยอันตรายระดับโลก นั่งท้ายกระบะเสี่ยงตาย 8 เท่า

01 ตุลาคม 2562

ในสหรัฐซึ่งมีทั้งรัฐที่ห้าม ไม่ห้าม และกำหนดอายุกำหนดความเร็วในการโดยสารท้ายรถกระบะ แต่ประชาชนเห็นว่าไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ก็ไม่ควรโดยสารท้ายรถกระบะ

ท้องถนนไทยติดอันดับถนนไม่ปลอดภัยเบอร์ต้นๆ ของโลก

ข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาฝึกงาน 12 คนที่กระเด็นออกมาจากท้ายรถกระบะสร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศและทำให้มีการพูดถึงความปลอดภัยบนท้องถนนเมืองไทยและการโดยสารท้ายรถกระบะอีกครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อจีนที่เผยแพร่ข่าวเป็นอุทาหรณ์พลเมืองของตัวเองที่เดินทางท่องเที่ยวในไทย

รายงานเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนทั่วโลกขององค์การอนามัยโลกประจำปี 2018 ที่เก็บข้อมูลจาก 175 ประเทศ ระบุว่า ท้องถนนของไทยอันตรายที่สุดในหมู่ประเทศอาเซียนและเป็นหนึ่งในท้องถนนที่อันตรายที่สุดในโลก โดยมีการเสียชีวิต 32.7 คนต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่เวียดนามในอันดับสองเสียชีวิต 26.7 คน ส่วนสิงคโปร์ปลอดภัยที่สุด เสียชีวิต 2.8 คน ตัวเลขผู้เสียชีวิตของไทยเพิ่มขึ้นจากรายงานเรื่องเดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อน 0.1 คน ซึ่งในขณะนั้นไทยเป็นประเทศที่มีการเสียชีวิตบนท้องถนนมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากลิเบีย

รถจักรยานยนต์คือพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด 74% ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถกระบะเกิดอุบัติเหตุ 8% และรายงานยังเผยอีกว่าอุบัติเหตุเหล่านี้เป็นผลมาจากความย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมายกับพฤติกรรมเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อค ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

หลังเกิดอุบัติเหตุกับนักศึกษาจากศรีสะเกษ นิกร จำนง ประธานกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน ได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยบนท้องถนนให้เข้มงวดขึ้น อาทิ หากตำรวจพบเห็นการนั่งท้ายรถกระบะเกินกว่า 6 คนและขับด้วยความเร็วสูงต้องเรียกให้จอดทันที

ถนนไทยอันตรายระดับโลก นั่งท้ายกระบะเสี่ยงตาย 8 เท่า

อย่างไรก็ดี คสช. เคยประกาศห้ามโดยสารท้ายรถกระบะเมื่อปี 2016 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสงกรานต์และปีใหม่ที่ประชาชนเดินทางกลับถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลต้องผ่อนปรนให้โดยสารได้ไม่เกิน 6 คนหลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์

อุบัติเหตุกับรถกระบะนักศึกษาทำให้ประเด็นดังกล่าวกลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้งในโลกออนไลน์ว่าควรหรือไม่ควรโดยสารท้ายรถกระบะ

ในต่างประเทศก็มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวเช่นกัน อาทิ ในสหรัฐซึ่งมีทั้งรัฐที่ห้าม ไม่ห้าม และกำหนดอายุกำหนดความเร็วในการโดยสารท้ายรถกระบะ แต่ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเห็นพ้องต้องกันคือ ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ก็ไม่ควรโดยสารท้ายรถกระบะ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยต่างๆ นานา และสถิติว่าผู้โดยสารท้ายกระบะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนที่นั่งในตัวรถ

ไม่เพียงแต่ไม่มีโครงเหล็ก ถุงลมนิรภัย หรือเข็มขัดนิรภัยป้องกันผู้โดยสารขณะเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่แรงเหวี่ยงกะทันหันไม่ว่าจะจากการแตะเบรก หักหลบ หรือตกหลุมบ่อยังทำให้ผู้โดยสารกระเด็นออกนอกตัวรถไปชนกับวัตถุต่างๆ ข้างทางหรือรถคันอื่นที่สัญจรไปมาจนเป็นอันตรายชีวิตเช่นที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาทั้ง 12 คน เพราะรถกระบะถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกสิ่งของเท่านั้น ไม่เหมาะกับการบรรทุกผู้โดยสาร

ผลการศึกษาในสหรัฐพบว่า ผู้โดยสารที่นั่งท้ายกระบะมีความเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าผู้โดยสารที่นั่งด้านในตัวรถถึง 8 เท่า ซึ่ง 25-50% ของผู้ประสบอุบัติเหตุเกิดจากอุบัติเหตุเสียหลักไม่ได้ชนกับรถคันอื่น

ที่สหรัฐให้ความสำคัญและรณรงค์เรื่องการโดยสารท้ายรถกระบะจริงจังมาก เมื่อปีที่แล้วกองกำกับการตำรวจคิตตี้ฮอว์กในรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจำลองเหตุการณ์รถเก๋งที่วิ่งด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงชนกับรถกระบะที่มีผู้โดยสารจำลองนั่งท้ายกระบะ โดยเมื่อรถชนกันแล้วผู้โดยสารต่างกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกกระทบพื้นถนนอย่างแรง คลิปนี้ได้รับการแชร์ต่อๆ กันโดยมีการรับชมถึง 12,698 ครั้ง

ด้านศูนย์วิจัยเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของไทยระบุว่า หากมีผู้โดยสารนั่งกระบะหลัง 10 คน น้ำหนักคนละ 60 กิโลกรัม จะทำให้รถมีโอกาสพลิกคว่ำมากกว่าเดิม 2 เท่า และหากผู้โดยสารยืนทั้งหมด โอกาสพลิกคว่ำจะเพิ่มเป็น 4 เท่า

***หมายเหตุ ภาพประกอบเป็นรถปิกอัพตำรวจชนต้นไม้ใน จ.นราธิวาส