posttoday

ไฟป่าอะเมซอนกำลังทำลายแหล่งยารักษาโรคร้ายแรงของมนุษยชาติ

22 สิงหาคม 2562

สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (US National Cancer Institute) ระบุว่า มีพืช 3000 ชนิดที่มีปฏกิริยาต่อเซล์มะเร็ง โดยกรกิจ ดิษฐาน

 

ป่าอะเมซอนมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีพืชที่อาจเป็นกุญเจไขความลับเกี่ยวกับโรคร้ายที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ แต่ป่าแห่งนี้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุด คือภัยจากไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี เผาผลาญพื้นที่ตอนในของป่าที่ใกล้กับเทือกเขาแอนดีส

ปัจจุบัน 25% ของยารักษาโรคที่เราใช้กันอยู่ มีพืชเป็นส่วนผสมโดยตรง ไม่รวมถึงยารักษาโรคที่สังเคราะห์ขึ้นให้มีองค์ประกอบคล้ายกับพืช และป่าฝนเขตร้อนคือแหล่งพืชรักษาโรคแห่งใหญ่ ในป่าอะแมซอนนั้นคือต้นกำเนิดของยารักษาโรคมาลาเรีย โรคต้อหิน และโรคลูคีเมีย

สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (US National Cancer Institute) ระบุว่า มีพืช 3000 ชนิดที่มีปฏิกิริยาต่อเซล์มะเร็ง ในจำนวนนี้ 70% มาจากป่าฝนเขตร้อน

จากข้อมูลของ FAO ในป่าอะเมซอนมีพืช 1,300 ชนิดที่ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค ใช้เป็นยาพิษ หรือสารเสพติด แต่การทำลายป่าอะเมซอนไม่ได้ทำให้พืชที่ล้ำค่าถูกทำลายไปตลอดกาลเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อวิถีชีวิตของชนเผ่าที่อาศัยในป่าดงดิบ และมีบางเผ่าที่ยังไม่เคยสัมผัสกับโลกภายนอกมาก่อน

องค์กร Amazon Aid ชี้ว่า ผู้ที่กุมลับเกี่ยวกับยารักษาโรคในป่าอะเมซอนเอาไว้ คือบรรดาพ่อหมอหรือหมอผีประจำเผ่า (shamans) หมอยาประจำเผ่าเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความรู้เรื่องสรรพคุณของพืชสมุนไพรในป่าหลายร้อยชนิดเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการวินิจฉัยโรคที่เป็นระบบอีกด้วย ดังนั้น ชนเผ่าป่าอะเมซอนจึงไม่ใช่กลุ่มคนที่ล้าหลัง แต่เป็นกลุ่มคนที่รักษาข้อมูลเกี่ยวกับป่าลึกเอาไว้ เพื่อรอวันที่คนภายนอกจะติดต่อและเรียนรู้จากพวกเขา

FAO ชี้ว่า ข้อมูลของหมอยาชาวป่าเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกบันทึกไว้ และมักถ่ายทอดโดยปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นนักวิจัยจึงเปรียบเทียบว่าการเสียชีวิตของหมอยาชาวป่าจึงเท่ากับเป็นการสูญเสียคลังความรู้เทียบได้กับหอสมุดแห่งชาติ

ทุกวันนี้มีกลุ่มชนเผ่าอาศัยในป่าอะเมซอน 500 เผ่า มีประชากรรวมกัน 1 ล้านคน มีสัตว์และพืช 3 ล้านชนิด ไฟป่าที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี จะส่งผลกระทบต่อชนเผ่าและพืชกับสัตว์อย่างมากมายมหาศาล สาเหตุของไฟป่าอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่สาเหตุธรรมชาติ การเผาป่าทำเกษตร เผาป่าจับจองที่ดิน ไปจนถึงการเผาป่าเพื่อขับไล่ชนเผ่าเพื่อฮุบเอาที่ดิน

จากการรายงานของ Folha de S.Paulo พบว่า ไฟป่า 68 แห่งในสัปดาห์นี้เกิดขึ้นในถิ่นสงวนสำหรับอยู่อาศัยของชนเผ่า และรายงานว่า พื้นที่ที่เกิดไฟป่ามากที่สุด คือจุดที่มีการตัดไม้ทำลายป่ามากที่สุด 

ที่น่าตกใจก็คือ ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู แห่งบราซิล กล่าวหาว่ากลุ่มองค์กรเอกชนคือผู้ที่จุดไฟทำลายป่า ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้คือผู้ต่อต้านการทำลายป่าอะเมซอนและปกป้องชนเผ่าในป่า 

อ้างอิง

Medicinal Secrets of the Amazon Rainforest. (March 31, 2016). Amazon Aid

Medicinal plants for forest conservation and health care. (1997). FAO

Wave of Fires in Brazil Hits 68 Protected Areas This Week. (August 21,2019). Folha de S.Paulo