posttoday

จีนจะไม่ลุยฮ่องกง แต่จะปล่อยให้เฉาตาย

08 สิงหาคม 2562

แนวโน้มคืออะไร จะนองเลือดหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เหี่ยวไปเอง บทวิเคราะห์โดยกรกิจ ดิษฐาน

แนวโน้มคืออะไร จะนองเลือดหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เหี่ยวไปเอง บทวิเคราะห์โดยกรกิจ ดิษฐาน

ทำไมหลายคนในไทยจึงเชื่อว่าจีนจะส่งกำลังทหารเข้าปราบผู้ประท้วงในฮ่องกง? คำตอบก็คือ คนไทยกำลังใช้สายตาของคนที่เคยผ่านม็อบและพบเห็นการใช้ทหารมาปราบความวุ่นวายในไทย แต่จีนและฮ่องกงมีเงื่อนไขปัจจัยคนละอย่าง และต่างจนใช้ทหารไม่ได้

แม้แต่ในเวลานี้ตำรวจฮ่องกงก็พยายามไม่เผชิญหน้า จนตำรวจบางคนถูกเผยข้อมูลส่วนตัว เช่นเบอร์โทรศัพท์ เลขที่บ้าน หรือแม่แต่หน้าตาของลูกๆ และถูกกล่าวหาว่าเป็นพวก "สีดำ" คือพวกที่เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มเรียกร้องเสรีภาพ

เมื่อตำรวจชะลอการใช้กำลัง ก็มีสัญญาณมาจากแผ่นดินใหญ่ เริ่มจากการที่แคร์รี่ หลั่มไปร่วมปฐมนิเทศน์วัยรุ่นฮ่องกงที่ร่วมการฝึกวิชาทหารกับกองทัพปลดปล่อยประชาชน ตามด้วยการปล่อยคลิปการซ้อมรับมือจลาจลโดยกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่เซินเจิ้น พร้อมกับซ้อมรบทางน้ำที่อ่าววิกตอเรีย และตามด้วยการระดมกำลังกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่มณฑลกวางตุ้งใกล้กับชายแดนฮ่องกง

กระแสคาดการณ์มาถึงจุดพีคเมื่อ หวางกวง โฆษกสำนักกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของรัฐบาลจีนเตือนว่า "พวกที่เล่นกับไฟจะถูกไฟเผาจนมอดไหม้" และย้ำว่าจีนมีพลังมหาศาลที่จะปราบผู้ประท้วง

ต่อข้อซักถามว่าจะมีการใช้กำลังทหารในฮ่องกงหรือไม่ หยางกวงตอบว่า "เราจะไม่ปล่อยให้ผู้โจมตีหลักการหนึ่งประเทศสองระบบ ต้องลอยนวล"

คำพูดเหล่านี้ถูกนำไปตีความว่าจะมีการบดขยี้ผู้ชุมมุมอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่คำถามเรื่องทหารนั้นหยางกวงตอบแค่ว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ท้าทายอธิปไตยของประเทศต้องลอยนวล และปฏิกิริยาของฝ่ายบ้านเมืองของฮ่องกงก็ไม่ใช่การนำทหารมาขู่อีก แต่เป็นการนำปืนสเปรย์มาให้ตำรวจใช้สาดสี เพื่อที่จะติดตามตัวผู้ประม้วงมาดำเนินคดีได้ และมีปะทะกันตามวิถีของการประท้วง ก็แค่นั้น 

จีนมีเหตุผลมากมายที่จะไม่ใช้ทหาร อย่าว่าแต่ในฮ่องกงเลย แม้แต่ในพื้นที่ขัดแย้งสูงการส่งทหารเข้าไปจัดการถือเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ใช้น้อยครั้งมากนับตังแต่ทศวรรษที่ 70

ประสบการณ์การใช้ทหารเพียงครั้งเดียวในการปราบจลาจลของจีน คือกรณีเทียนอันเหมินปี 1989 แม้เหตุการณ์จะสงบและจีนรอดพ้นจากการแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนประเทศคอมมิวนิสต์อื่นๆ ในช่วงเดียวกัน แต่หลังจากนั้นจีนถูกชาติตะวันตกใช้กรณีเทียนอันเหมินมาโจมตีอยู่เนืองๆ ส่วนในประเทศก็ห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นประเด็นเปราะบางสุดขีด

ในปี 1989 ชาติตะวันตกยังไม่รุมขย้ำจีนเหมือนในตอนนี้แต่กรณีเทียนอันเหมินก็ยังเป็นจุกอ่อนที่ทำให้จีนถูกโจมตีมาตลอด 30 ปี ในตอนนี้สถานการณ์โลกนิ่งกว่า 1989 มาก หากจีนใช้กำลังทหารสยบฮ่องกง ชาติตะวันตกจะรอขย้ำจีนอย่างแน่นอน

ข้อหาแรกที่จะถูกเล่นงานคือทำร้ายประชาชนของตัวเอง ต่อมาคือละเมิดสิทธิมนุษยชน ต่อมาคือตระบัดสัตย์เรื่องการให้เสรีภาพกับฮ่องกง และอื่นๆ อีกมากมาย ผลที่ตามมาคือ ชาติตะวันตกจะใช้ข้ออ้างเหล่านี้กดดันจีนในทางการค้า สงครามการค้าและการตั้งแง่กับธุรกิจจีนที่แย่อยู่แล้ว จะยิ่งรุนแรงขึ้น

ฮ่องกงไม่ได้ถูกคุกคามอย่างซึ่งๆ หน้าจากต่างชาติ แม้ว่าจะมีการกระซิบกระซาบกันในเครือข่ายเวยปั๋วจีนว่า มีผู้ประท้วงบางคนรับเงินจากองค์กรต่างชาติ และพบว่าอดีตแกนนำต่อต้านรัฐบาลอย่างโจชัว หว่อง พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐ

การแทรกซึมนี้ยังไม่อันตรายต่อความมั่นคงแบบซึ่งๆ หน้า แต่ถ้าจีนส่งทหารเข้าปราบฮ่องกงเมื่อไร ต่างชาติจะได้โอกาสเข้าแทรกแซง นี่แหละคือภยันตรายครั้งใหญ่

ฮ่องกงยังไม่คุ้มที่จะใช้ทหารจนนำไปสู่หายนะของแผ่นดินใหญ่ เพราะตอนนี้แผ่นดินใหญ่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฮ่องกงในทางเศรษฐกิจอีก หลายเมืองของจีนตอนนี้ มี GDP และการเติบโตที่มั่งคั่งมากกว่าฮ่องกงแล้ว เช่น เซินเจิ้นที่ GDP (2.422 ล้านล้าน) แซงหน้าฮ่องกง (3.62 แสนล้าน) ไปเมื่อปี 2018 และเมืองใหญ่ 10 เมืองแรกของจีนมี GDP มากกว่า 1.3 - 3.27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แน่นอนว่าใหญ่กว่าฮ่องกงหลายเท่า

จีนไม่มีความจำเป็นจะต้องเอาความมั่นคงไปแลกกับเมืองที่ GDP น้อยกว่าที่อื่นหลายสิบเมือง แถมยังเป็นจุดอ่อนของตัวเองด้วย

และจะว่าไปในช่วงที่ฮ่องกงบูมช่วงทศวรรษที่ 70 - 80 เป็นผลมาจากการที่จีนยังไม่เปิดประเทศเต็มที่และฮ่องกงคือหน้าต่างแรกในการเข้าสู่จีน เมื่อจีนเปิดประเทศแล้ว ฮ่องกงก็หมดความหมาย ต้องพึ่งพากระทั่งทัวร์จีนที่เข้ามาเที่ยวฮ่องกงมากที่สุดในสัดส่วนถึง 78.4% ฮ่องกงเป็นสถานที่ทีทมีนักท่องเที่ยวเข้ามากที่สุดก็เพราะคนแผ่นดินใหญ่ช่วย

ดังจะเห็นว่า ผู้ที่ออกมาประท้วงคือวัยรุ่นที่เริ่มตระหนักว่าเศรษฐกิจฮ่องกงหมดอนาคตแล้ว

จีนไม่จำเป็นต้องอาศัยฮ่องกง แต่ฮ่องกงไม่อาจยืนอยู่ได้โดยปราศจากแผ่นดินใหญ่ วิธีแก้ปัญหาในฮ่องกงที่ดีทีสุดคือ "เศรษฐกิจ" นั่นคือให้โอกาสคนหนุ่มสาวในฮ่องกงได้มีที่ยืน ได้มีห้องอยู่ ไม่ต้องนอนรูหนู และมีค่าครองชีพที่สมกับรายได้

แต่ดูเหมือนว่าจีนจะยังไม่ยอมให้โอกาสคนหนุ่มสาวหัวร้อน ตรงกันข้ามจีนจะปล่อยให้ผู้ประท้วงบั่นทอนเศรษฐกิจฮ่องกงต่อไปอย่างนี้ จนกระทบต่อปากท้องประชาชน คนที่จะเริ่มอึดอัดก่อนคนพวกที่ไม่สนใจการเมือง ต่อมาจากตามด้วยกลุ่มที่ทำการเคลื่อนไหวแบบขาจร จากนั้นก็แค่รอให้กระแสตีกลับ

จีนแย้มแท็คติกนี้ออกมาเอง โดยหยางกวงบอกกับปากว่า เศรษฐกิจของฮ่องกงกำลังได้รับผลกระทบ และกระตุ้นให้ชาวฮ่องกงทั้งหลายยืนหยักและปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนอันสวยงามเอาไว้

ผลกระทบเฉพาะหน้าตอนนี้คือ ตลาดหุ้นดิ่งถึง 10% ในเดือนเดียว คนที่เจ็บไม่ใช่แมลงเม่า แต่คือชาวฮ่องกงที่ต้องออมเงินในรูปของหุ้น (MPF) และเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ ยิ่งหุ้นทรุด อนาคตของพวกเขายิ่งน่าหวาดเสียว

ก่อนที่จะมีการประท้วง ปรากฎว่า (MPF) มีผลการลงทุนรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 10 ปี เพราะตลาดหุ้นของฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่คึกคักโดยฮั่งเส็งบวกถึง 12% ไตรมาสแรก แต่ผ่านมาไม่กี่เดือนตลาดหุ้นซบเซาสิ้นความหวัง เพราะประท้วงไม่ยอมเลิก

นี่คือยุทธวิธีปล่อยให้ฮ่องกงเฉาไปเอง จนพลังเงียบทนไม่ไหว ต้องออกมาเป็นม็อบชนม็อบ หรือไม่ก็กดดันจากพวกเลือดร้อนรามือไปเอง

หรือไม่ก็รอให้เข้าฤดูไต้ฝุ่น แล้วม็อบก็จะทนพลังธรรมชาติไม่ไหวไปเอง