posttoday

ทายาทราชวงศ์ปรัสเซียขอทวงสมบัติตระกูลคืนจากรัฐบาลเยอรมนี

13 กรกฎาคม 2562

ทายาทไคเซอร์เยอรมัน เปิดเจรจากับรัฐบาลเยอรมนีหวังทวงสมบัติเก่าแก่ของตระกูลหลายชนิดคืน

ทายาทไคเซอร์เยอรมัน เปิดเจรจากับรัฐบาลเยอรมนีหวังทวงสมบัติเก่าแก่ของตระกูลหลายชนิดคืน

เอเอฟพีรายงานว่า จอร์จ ฟรีดริช เฟอร์ดินาน เจ้าชายแห่งปรัสเซีย ทายาทราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นสายตระกูลไคเซอร์แห่งจักรวรรดิเยอรมัน กำลังเปิดการเจรจากับรัฐบาลเยอรมนี รัฐบาลท้องถิ่นรัฐเบอร์ลิน และรัฐบาลรัฐบราเดนเบิร์ก เพื่อทวงคืนสมบัติตระกูลของพระองค์คืน

เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยโดยกระทรวงวัฒนธรรมของเยอรมนี โดยระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการเจรจาพูดคุย เนื่องจากสมบัติเก่าของราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นหลายชิ้นได้กลายเป็นสมบัติสาธารณะไปแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวทั้งรัฐบาลและตระกูลโฮเอินท์ซ็อลเลิร์นต้องหาทางออกสำหรับงานศิลปะวัตถุ ของมีค่าหลายชนิดร่วมกัน ซึ่งการพูดคุยนับจากนี้อาจต้องใช้เวลานับหลายปี

ตามรายงานของ Der Spiegel ระบุว่า ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ต้องการให้ทางการเยอรมนีชดใช้คืนงานศิลปะ วัตถุมีค่า รูปสลัก ภาพเขียน หนังสือ และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญนับหลายหมื่นชิ้น

นอกจากนี้ทางราชวงศ์ยังต้องการสิทธิ์ในการครอบครอบและอยู่อาศัยภายในปราสาทราชวังหลายแห่ง หนึ่งในนั้นรวมถึง Cecilienhof Palace ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเนื่องจาก วังแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่พบปะและหารือร่วมกันของผู้นำสามชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐ อังกฤษ และโซเวียตช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อีกทั้งปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกแล้ว

ผู้นำในการเจรจาทวงคืนครั้งนี้คือ เจ้าชายจอร์จ ฟรีดริช เฟอร์ดินาน เจ้าชายแห่งปรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันพระองค์มีสถานะเป็น ผู้นำของราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น และมีศักดิ์เป็น"ลื่อ"ของจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ไคเซอร์องค์สุดท้ายแห่งปรัสเซีย

แม้ว่าปัจจุบันเยอรมนีจะเป็นประเทศสาธารณรัฐ และล้มเลิกระบอบราชวงศ์ไปตั้งแต่ 1918 แล้ว แต่ก็ยังคงมีทายาทของสายตระกูลราชวงศ์เก่าแก่พำนักอยู่ในเยอรมนี อีกทั้งราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นยังคงครอบครองทรัพย์สินของตระกูลได้บางส่วน อันเกิดจากข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างราชวงศ์กับรัฐบาลเยอรมนีในปี 1926

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมนีถูกแบ่งเป็นสองขั้ว ฝั่งที่ปกครองโดยคอมมิวนิสต์ในเบอร์ลินและรัฐบราเดนเบิร์กได้ยึดทรัพย์สินต่างๆของราชวงศ์กลายเป็นครองรัฐ

"การเจรจาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคลุมเครือทางกฎหมาย แต่ยังมีสถานะทางกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการของอำนาจการครอบครองของสหภาพโซเวียตและรัฐบาลเยอรมนีตะวันออก"

"อย่างไรก็ดีผลลัพธ์ของการเจรจาคงไม่อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้"  กระทรวงวัฒนธรรมเยอรมนีกล่าว