posttoday

ฟามเญิตเวือง ผู้สร้างรถและมือถือแบรนด์เวียด

22 มิถุนายน 2562

เส้นทางของทรัมป์แห่งเวียดนาม ผู้สร้างตัวจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วหันมากุมชะตาอสังหาฯ ที่กำลังจะพาประเทศสู่เจ้าแห่งเทคโนโลยี


ฟามเญิตเวือง คือเจ้าของบริษัท Vingroup เขาประกาศว่าภายใน 10 ปี เขาจะผลักดันเวียดนามให้เป็นคู่แข่งขันที่ทรงศักยภาพในดานเทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม และการบริการ

เขาผู้นี้คือผู้ผลักดันโครงการที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่าง เช่น รถยนต์ Vinafast ที่สร้างความฮือฮาอย่างมากในไทย จนกลัวกันว่าเวียดนามกำลังแซงหน้าไทยไปแล้ว

หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าที่ผ่านมา ความวุ่นวายและนานาปัญหาของเวียดนามจะกลายมาเป็นคู่แข่งทางภาคเศรษฐกิจแบบสูสีเทียบเคียงกับไทยเราได้มากถึงเพียงนี้

ไม่เพียงแค่การแข่งขันทางการค้าเท่านั้นที่เวียดนามเปิดฉากรุกเต็มสูบให้เราเห็น เนื่องจากประเทศบ้านใกล้เรือนเล็กๆ แห่งนี้ยังได้ซ่อนคนรวยระดับโลกไว้อีกด้วย

เศรษฐีคนนี้ก็คือ ฟามเญิตเวือง (Phạm Nhật Vượng) นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เบอร์หนึ่งหรือที่รู้จักกันในนามของ "โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งเวียดนาม" ผู้ครองทรัพย์สินมูลค่า 7,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ไปสดๆ ร้อนๆ ให้เป็นคนรวยที่สุดในเวียดนาม สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเวียดนามได้อย่างสง่างาม

เขาผู้นี้เป็นมหาเศรษฐี (Billionaire) คนแรกของเวียดนาม และเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับที่ 1 ของเวียดนาม ประวัติของเขาย่อมไม่ธรรมดา

ทุกตำแหน่งในบริษัทและเงินทองที่เขาผู้นี้ครอบครองนั้น ไม่ได้มาจากการรับมรดกหมื่นล้านของพ่อแม่สักแดงเดียว เพราะในช่วงสมัยที่ ฟามเญิตเวือง เกิดนั้นเวียดนามเกิดสงครามเวียดนามที่มีการสู้รบอย่างดุเดือด โดยเขาเกิดที่เมืองไฮฟอง เมื่อปี 1968 ผู้เป็นพ่อต้องไปเป็นทหารอากาศ ฟามเญิตเวืองได้รับการเลี้ยงดูโดยคุณแม่แต่เพียงผู้เดียว และต่อมาไปรับการศึกษาที่ฮานอย

ด้วยภาวะยากลำบากของสงครามกลางเมืองทำให้ฟามเญิตเวืองไม่ได้ฝันเฟื่องว่าตัวเองจะมีโอกาสร่ำรวย เพียงแต่หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวให้ดีที่สุดเท่านั้น

ฟามเญิตเวือง ใช้เวลาทั้งวันคลุกอยู่กับหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ คร่ำเคร่งเรียนอย่างหนักในช่วงเวลาอันยากแค้นหลังสงคราม และสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการทำเหมืองและธรณีวิทยาแห่งฮานอยในปี 1987 ด้วยความสามารถด้านคณิตศาสตร์แบบหาตัวจับได้ยาก เขาจึงสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่คณะเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสำรวจธรณีวิทยาแห่งรัฐรัสเซีย ในกรุงมอสโก ประเทศสหภาพโซเวียตได้สำเร็จ และสำเร็จการศึกษาในปี 1992

แต่หลังจากได้รับปริญญา ชีวิตกลับต้องระหกระเหินไปต่างแดนอีก เนื่องจากปีนั้นเป็นช่วงที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ด้วยเหตุนี้ นักศึกษาชาวเวียดนามผู้นี้จึงตัดสินใจชวนภรรยาไปทำมาหากินยังประเทศยูเครน โดยภรรยาคนนี้เขารู้จักมาตั้งแต่อยู่มัธยม และพบรักกันขณะที่ศึกษาอยู่ในต่างแดน

และสินค้าที่ทำให้ฟามเญิตเวือง แจ้งเกิดบนทำเนียบคนรวยก็คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก้อนเล็กๆ ธรรมดานี้จะเนรมิตชีวิตของฟามเญิตเวือง ให้กลายเป็นเศรษฐีได้ เนื่องจากในขณะนั้นยูเครนเป็นเพียงประเทศน้องใหม่ที่ยังไม่มีใครไปลงทุนทำธุรกิจ อีกทั้งในช่วงนั้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเป็นอาหารใหม่ที่ใครหลายคนไม่รู้จัก

แต่ด้วยรสชาติแบบเอเชียประกอบกับราคาแสนถูก ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ Mivina ของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และทำให้สามารถชำระหนี้ที่ยืมมาจากคุณแม่และเพื่อนพ้องด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 8 ได้สำเร็จ และที่นี่เองที่เขาตั้ง Vingroup ขึ้นในชื่อ Technocom โดยขายโดยขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อน และต่อมาขายกิจการให้ Nestlé ได้เงินก้อนใหญ่ถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2009 มากพอที่จะกลับมาทำธุรกิจในบ้านเกิดได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ทันทีที่กลับมาสู่มาตุภูมิฟามเญิตเวือง ก็เดินหน้าทำธุรกิจทันทีโดยก่อตั้งบริษัท วินกรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างตึกรามบ้านช่อง คอนโดฯ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมห้าดาว ทั้งนี้ การขยายตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามทำให้บริษัท วินกรุ๊ป ทำกำไรไม่หยุดหย่อน จนกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำเงินได้มากเป็นอันดับ 5 ในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามเลยทีเดียว

โครงการก่อสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าและสวนสนุกของวินกรุ๊ปล้วนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดๆ เพราะเนรมิตให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วของบริษัทกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของประเทศเวียดนาม สร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวและทำให้ผู้คนเริ่มสนใจช่องทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

แต่ไรมา ฟามเญิตเวือง พยายามดึงดูดกระแสเงินจากตลาดทุนนานาชาติให้เข้ามายังเวียดนามให้มากที่สุด เพื่อเสริมความสำเร็จของตัวเองและประเทศบ้านเกิดเมืองนอน และทุกวันนี้เขาก็ยังคงทำเช่นนั้น จนในเวลานี้เวียดนามีเงินลงทุนจากต่างชาติเพิ่มสูงถึง 69.1% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้

ฟามเญิตเวือง เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า เมื่อตายไปแล้วเราไม่สามารถนำทรัพย์สินเพียงชิ้นเดียวติดตัวไปได้ แต่สิ่งที่เขาต้องการจะทิ้งไว้ คือการสร้างตำนานวงการอสังหาริมทรัพย์ของบ้านเกิดให้ทัดเทียม และก้าวหน้าเหมือนกับฮ่องกงและสิงคโปร์ได้ไม่มากก็น้อย และวันนี้เข้าทำสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง แต่ในของเขายังไม่จบ ก้คว้าฝันอันใหม่มากอดไว้

ในเดือนตุลาคม 2018, Vingroup ประกาศว่าแผนกรถยนต์ VinFast จะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในประเทศโดยมีกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี มีการลงทุน 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาโครงการนี้ และในเดือนธันวาคมปี 2018 Vingroup วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนสัญชาติเวียดนาม ที่ซื้อกิจการและเทคโนโลยีมาจากบริษัท BQ ของสเปน โดยจะปล่อยออกมาถึง 125 ล้านเครื่องต่อปี

วันนี้ ฟามเญิตเวือง กำลังสร้างตำนานใหม่ ด้วยการลงทุนสร้างรถยนต์แบรดน์เวียดนาม สมาร์ทโฟนสายพุนธุ์เวียดนาม และเทคโนโลยีของคนเวียดนาม เพื่อสานฝันที่จะทำให้บ้านเกิดเมืองนอนของเขามีศักยภาพด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยีระดับโลก ภายในเวลา 10 ปีข้างหน้า!