posttoday

เช็คกระสุนนับศพทหาร ใครจะอยู่ใครจะไปในศึกการค้าโลก

15 พฤษภาคม 2562

สงครามยังไม่จบแต่ต้องนับหัวผู้สูญเสียกันก่อนว่าใครรอดและใครร่วงในศึกพญาอินทรีชนพญามังกร

สงครามยังไม่จบแต่ต้องนับหัวผู้สูญเสียกันก่อนว่าใครรอดและใครร่วงในศึกพญาอินทรีชนพญามังกร

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐประกาศเพิ่มภาษีสินนำเข้าจากจีนถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จนสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก แต่หลังจากยอมให้ทรัมป์ปล่อยหมัดแรกได้ 2 วัน จีนก็ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ มูลค่ารวม 6 หมื่นล้านเหรียญ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ทำให้ตลาดทุนปั่นป่วนอย่างรุนแรง จนดูเหมือนว่าสงครามครั้งนี้จะบานปลาย และคงจะ "เอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง"

ผู้เคราะห์ร้าย

• มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกหายวับไปในทันทีถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากจีนประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐ โดยดัชนี MSCI All-Country World Index ลดลง 2% และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบถึง 5 ครั้งในจำนวน 6 เซสชั่นการซื้อขายที่เปิดตลาดซื้อขาย

• หลังจากที่จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ 5,200 ประเภท สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ประกาศว่าจะขึ้นภาษีอีก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากสินค้าจีน 3,805 ประเภท รวมถึงคอมพิวเตอร์แลปท็อป, ใบเลื่อย, ชิ้นส่วนเครื่องเทอร์ไบน์, ทูน่า, กระเทียม, สินค้าเวชภัณฑ์, และแรร์เอิร์ธ

• ฝ่ายจีน ภาคการผลิตได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ที่สหรัฐผู้ที่กระทบโดยตรงคือเกษตรกร ซึ่งเป็นฐานเสียงของทรัมป์แต่กลับเป็นฝ่ายที่ถูกทรัมป์ใช้เป็นเบี้ยโยนทิ้งโยนขว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรถั่วเหลือง อันเป็นสินค้าหลักที่จีนนำเข้าปริมาณมหาศาล แม้ว่าถั่วเหลืองจะไม่ใช่สินค้าที่อยู่ในบัญชี แต่ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอยู่ในบัญชีขึ้นภาษีของจีน  หากทรัมป์ยังใช้ภาคเกษตรเป็นเบี้ยอยู่อย่างนี้ จะกระทบต่อความนิยมในตัวเขาและพรรครีพับลิกันอย่างแน่นอน

• แม้ว่าจะทะเลาะกัน 2 ประเทศ แต่ผลกระทบลามไปทั่วโลก เช่น ที่เยอรมนี ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนพฤษภาคมปรับลงมาถึง 5.2 จุด ทั้งนี้ เยอรมนีเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป ดังนั้นผลกระทบต่อจีนจะส่งผลทางอ้อมมาถึงตัวเลขจีดีพีและการส่งออกของเยอรมนีและยุโรปด้วย

• อินเดียกลัวว่าจีนจะปล่อยเหล็กกล้าเข้ามาในตลาดจนล้นเกินเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่สหรัฐตั้งขวางไว้ การที่จีนทำเช่นนี้จะส่งผลต่อผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เช่นอินเดีย ผู้ผลิตในอินเดียจึงขอให้รัฐบาลจัดการกับผู้ที่กดราคาเหล็กกล้าต่ำกว่าความเป็นจริง หมายความว่าจีนจะเจอศึกการค้ากับอินเดียอีกต่อหนึ่ง โดยมีสมรภูมิย่อยในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า

 

อาวุธที่เหลืออยู่

• จากท่าทีของทรัมป์และสำนักงานการค้าสหรัฐ ที่ประกาศจะขึ้นภาษีจีนอีก 3 แสนล้านเหรีญ ซึ่งหากสังเกตโดยผิวเผินจะเห็นว่าสหรัฐยังทิ้งไพ่ที่เหนือกว่ามาได้เรื่อยๆ เนื่องจากสินค้าที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐมีจำนวนมากกว่า กระนั้นก็ตาม สินค้าที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากจีนอาจจะทำให้ภาคส่งออกชะลอตัวลง แต่ไม่ได้ทำให้จีนซวนเซมากนักในทางการเมือง ตรงกันข้ามกับทรัมป์ที่ยอมเสียภาคเกษตรมา เพื่อแลกกับฐานเสียงในภาคอุตสาหกรรม

• เนื่องจากจีนนำเข้าจากสหรัฐน้อยกว่าส่งออกไปยังสหรัฐ ทำให้มาตรการตอบโต้ของจีนเริ่มจะน้อยลงไปทุกที อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลือกจะน้อยลง แต่หมัดแต่ละหมัดที่จีนปล่อยไปนั้นหนักและตรงเป้ามากกว่า จนถึงขณะนี้จีนขึ้นภาษีสหรัฐไปแล้วรวม 1 แสนล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าการส่งออกของสหรัฐมายังจีนลดลง 7% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนการลงทุนของจีนในสหรัฐลดลงถึง 60%

• จีนหันไปพึ่งองค์การการค้าโลก หรือ WTO โดยบอกว่า "กลไกในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในการค้ามีความจำเป็นมากในการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของการค้าในระบบพหุภาคี และการบั่นทอนกลไกของ WTO และมาตรการทางการค้าที่มีอยู่ ได้สร้างความเสียหายให้กับการค้าเสรีและระเบียบการค้าโลก" แต่ก็อย่างที่ทราบกันดี WTO กลายเป็นองค์กรเสือกระดาษไปแล้ว การร้องเรียนของจีนจึงเป็นการกระทำในเชิงโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้โลกเห็นว่าสหรัฐเป็นตัวร้ายมากกว่า 

• อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ตอบโต้กันจนแพ้หรือชนะกันไปข้างหนึ่ง เพราะทั้งจีนและสหรัฐจะได้ประโยชน์มากกว่าหากกลับมาเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลง ซึ่งในเรื่องนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า เขามีความหวังว่าการเจรจากับจีนจะประสบความสำเร็จ

• สำหรับผู้ที่กลัวว่าจะถูกลูกหลง ในตอนนี้ต่างรีบสละเงินเหรียญสหรัฐไปถือทองคำและสกุลเงินอื่นๆ ที่มีความมั่นคงมากกว่ากันเป็นการใหญ่ เช่น เงินเยนของญี่ปุ่น แม้แต่เงินบาทก็ยังได้รับอานิสงส์จากศึกอินทรีย์ชนมังกร ในส่วนของทองคำ มีนักวิเคราะห์ชี้ว่าเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งทองคำ เพราะค่าเงินสหรัฐที่อ่อนลงและธนาคารกลางสหรัฐที่มีท่าทีว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

Photo by Nova SAFO / AFP