ออสเตรเลียเตรียมโปรยไส้กรอกผสมยาเบื่อ กำจัดแมวจร 2 ล้านตัว
ออสเตรเลียเตรียมควบคุมประชากรแมวจรจัดนับล้าน ด้วยการโปรยไส้กรอกผสมยาเบื่อ หวังรักษาสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่น
ออสเตรเลียเตรียมควบคุมประชากรแมวจรจัดนับล้าน ด้วยการโปรยไส้กรอกผสมยาเบื่อ หวังรักษาสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่น
หลังจากที่ทางการออสเตรเลียประกาศสงครามกับสัตว์จำพวกแมวขนาดเล็กและแมวจรจัดที่อาศัยตามธรรมชาติมาตั้งแต่ปี 2017 เนื่องจากพบว่าการเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วของพวกมันกำลังส่งผลกระทบต่อสมดุลทางระบบนิเวศ โดยเฉพาะกับบรรดาสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่น (native species) ล่าสุดทางรัฐบาลออสเตรเลียสามารถหาวิธีกำจัดแมวจรจัดเหล่านี้ได้แล้วด้วยวิธีการใช้เครื่องบินโปรยไส้กรอกผสมยาเบื่อทางอากาศ
ออสเตรเลียตั้งเป้ากำจัดแมรจรจัดเหล่านี้ให้ได้อย่างน้อยราว 2 ล้านตัวภายในปี 2020 ในพื้นที่เป้าหมายราว 10 ล้านเฮกเตอร์
วิธีการดังกล่าวได้สร้างเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วยจากบรรดากลุ่มพิทักษ์สัตว์ ซึ่งบอกว่าวิธีการดังกล่าวไม่ได้คำตอบสุดท้ายในการควบคุมประชากรแมว แต่ควรใช้วิธีทำหมันแทน
รายงานจากสื่อออสเตรเลียระบุว่า บรรดาแมวจรจัดถือเป็นสัตว์ต่างถิ่นที่กำลังคุกคามสัตว์ประจำถิ่นบนทวีปออสเตรเลียอย่างมาก โดยพบว่าในแต่ละปีแมวเหล่านี้จะฆ่านกสายพันธุ์ท้องถิ่นราว 337 ล้านตัว และสัตว์เลื้อยคลานราว 649 ล้านตัว หรือเชื่อกันว่าในหนึ่งวันแมวจะฆ่านกสายพันธุ์พื้นเมืองเฉลี่ยราว 1 ล้านตัว และอีกสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์พื้นเมืองอีกกว่า 1.7 ล้านตัวต่อวัน ตามข้อมูลของกระทรวงสิ่งแวดล้อม
สารพิษที่ถูกผสมลงในไส้กรอกซึ่งทำมาจากเนื้อจิงโจ้ผสมไก่บดนั้นสามารถทำให้พวกมันตายได้ในไม่กี่นาทีโดยพิษเหล่านี้จะทำมาจากพืชสายพันธุ์ท้องถิ่นซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ประจำถิ่นเนื่องจากพวกมันมีภูมิคุ้มกันพิษเฉพาะตัวที่แมวไม่มี เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผย
ทำไมออสเตรเลียจึงต้องประกาศสงครามกับแมว
ทวีปออสเตรเลียเป็นพื้นที่ที่มีความโด่นทางด้านภูมิศาสตร์จากแห่งอื่นๆบนโลก มีลักษณะที่เฉพาะตัวทางด้านชีววิทยา ตามประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียพบว่าแมวซึ่งเป็น aliens species ได้ขึ้นฝั่งออสเตรเลียในช่วงศตวรรษที่ 17 พร้อมกับการเข้ามาของคนผิวขาว
นับตั้งแต่นั้นพลเมืองแมวได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่าแมวได้แพร่พันธุ์ไปมากกว่า 99.8%ทั่วประเทศ และพบว่าแมวหลายสายพันธุ์ที่อาศัยตามธรรมชาติมีความดุร้ายเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวและพัฒนาการตามสัญชาตญาณนักล่าเพื่อความอยู่รอด
ซึ่งปัญหาประชากรแมวนี้นอกจากออสเตรเลียแล้ว นิวซีแลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
Gregory Andrews คณะกรรมาธิการด้านควบคุมสัตว์ต่างถิ่นระบุว่า นับตั้งแต่ที่ชาวยุโรปเขามาในออสเตรเลียพร้อมกับแมว พวกมันทำให้สัตว์ท้องถิ่นสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 20 สายพันธุ์ สอดคล้องกับ John Woinarski ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยา ที่มหาวิทยาลัยชาร์ลส์ดาร์วิน ระบุว่าผ่านสื่อในท้องถิ่นว่า นับตั้งแต่ที่ชาวยุโรปผิวขาวมาตั้งรกรากในออสเตรเลีย แมวเหล่านี้ได้ส่งผลให้สัตว์ท้องถิ่นกว่า 34 สายพันธุ์ต้องได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสี่ยงสูญพันธุ์เช่น วอมแบท หรือ โคอาล่า ซึ่งในสัตว์บางสายพันธุ์นั้นพบว่ามีส่วนช่วยให้พื้นดินกลับมาอุดมสมบูรณ์ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่รักษาสมดุลตามระบบนิเวศอันเป็นเอกลักษณ์ของออสเตรเลีย
ข้อถกเถียงที่ไม่สิ้นสุด
ไอเดียการกำจัดแมวต่างถิ่นเหล่านี้มาจากอดีตรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมนาย Greg Hunt ด้วยงบประมาณจำนวน 5ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งแน่นอนว่านโยบายการกำจัดสัตว์ขนฟูหน้าตาน่ารักเหล่านี้ ย่อมทำให้บรรดาทาสแมวและกลุ่มพิทักษ์สัตว์ไม่พอใจอย่าวมาก
นโยบายกำจัดแมวนี้รัฐบาลออสเตรเลียต้องมีแผนมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ได้รับเสียงวิจารณ์และยื่นคำคัดค้านจากบรรดาองค์กรพิทักษ์สัตว์ ซึ่งที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้หาวิธีการทุกรูปแบบในการควบคุมประชากรแมวทั้งการปล่อยสัตว์ที่เป็นศัตรูกับแมวเพื่อให้ธรรมชาติควบคุมกันเอง หรือแม้แต่การควบคุมพื้นที่อยู่อาศัยพวกมันให้อยู่ในวงจำกัด ก่อนที่จะจับพวกมันทำหมัน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ลดการเพิ่มจำนวนประชากรแมวเหล่านี้ได้
ในบางพื้นที่ของประเทศอย่างทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ทางการถึงกับตั้งค่าหัวให้ผู้ที่ล่าแมวเหล่านี้ได้เป็นเงิน 10 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 220 บาท) ต่อแมวหนึ่งตัว
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเคยทำสงครามกับสัตว์มาแล้วหลายชนิดทั้งสงครามล่านกอีมู และสงครามควบคุมหมาป่าดิงโกแต่ก็ไม่สามารถควบคุมประชากรสัตว์เหล่านี้ได้อย่างแท้จริง


