posttoday

จากไต้หวันถึงอเมริกา จอมซ่าราชาซาลาเปา

11 เมษายน 2562

ส่องชีวิต "เอดดี้ หวง" แรปเปอร์เชื้อสายเอเชียน และผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์ที่พลิกความคาดหมาย

ส่องชีวิต "เอดดี้ หวง" แรปเปอร์เชื้อสายเอเชียน และผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์ที่พลิกความคาดหมาย

เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ทีวีซีรีส์ของช่อง ABC ที่ชื่อ Fresh Off The Boat ฉลองครบรอบ 100 ตอน ถือเป็นความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก หากจะพิจารณาว่า เนื้อหาและตัวละครในเรื่องเป็น "คนกลุ่มน้อย" ที่ไม่น่าจะมีใครสนใจมากนัก

Fresh Off The Boat เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2015 โดยเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เพราะว่าด้วยวิถีชีวิตของครอบครัวชาวเอเชี่ยน-อเมริกันในแบบมันๆ ฮาๆ ที่อพยพจากไต้หวันมาตั้งหลักแหล่งในเมืองหลวงของสหรัฐ จากนั้นมาเปิดร้านอาหารจีนแบบไต้หวันที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา โดยมีลูกชายตัวแสบเป็นตัวชูโรง

เจ้าหนูคนนี้เติบโตมาท่ามกลางความย้อนแย้งทางวัฒนธรรม ระหว่างบ้านคนจีนในย่านที่หาคนเอเชียได้ยากเย็นแสนเข็ญ แถมลูกชายรายนี้ยังเริ่มซึมซาบวัฒนธรรมฮิปฮอปในยุค 90’s ทีละน้อยๆ พร้อมๆ กับการทำตัวให้กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมแบบอเมริกันจ๋าที่โรงเรียน

ซิทคอมเรื่องนี้ผ่านมาถึงซีซั่นที่ 5 แล้ว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จงดงามเลยทีเดียวสำหรับโชว์ที่มีตัวเอกเป็นชาวเอเชียซึ่งหาได้ยากยิ่งในวงการฮอลลีวูด และยังเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างครึกโครมโดยเฉพาะการมีอายุยืนยาวได้ถึงเอพิโซดที่ 100 และถือว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการบันเทิง เปิดโอกาสให้คนเอเชียได้มีที่ทางและการยอมรับมากขึ้น

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Fresh Off The Boat ติดลมบน คงต้องยกความดีความชอบให้กับ เอดดี้ หวง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะเป็น “เจ้าหนู” ตัวจริงในเรื่องและเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Fresh Off The Boat บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของครอบครัวชาวไต้หวันในเมืองลุงแซม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งมาก่อน จนกระทั่งกลายเป็นซีรีส์ก็ยังดังเหมือนหนังสือ

จากไต้หวันถึงอเมริกา จอมซ่าราชาซาลาเปา เอ็ดดี้ หวง ภาพโดย Alex Lozupone

เอดดี้ มีชีวิตที่น่าสนุกกว่าในซีรีส์หลายเท่า (ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวละครในเรื่องยังไม่โตนั่นเอง) เขาเติบโตในครอบครัวที่มีพ่อยกครอบครัวจากไต้หวันมาแสวงโชคในสหรัฐ ด้วยการเปิดร้านอาหารจนกระทั่งประสบความสำเร็จในฐานะเชฟร้านสเต๊กและซีฟู้ดแบบอเมริกัน (ไม่ใช่อาหารจีนเหมือนในซีรีส์) ส่วนลูกชายตัวจริงก็แสบเหมือนกัน แถมยังคลั่งไคล้ฮิปฮอปกับวัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกันแบบเข้าเส้น เรียกได้ว่า บ้านนี้เป็นจีนไต้หวันแต่ตัว ส่วนหัวใจย้อมด้วยสีธงชาติอเมริกันไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนเป็นวัยรุ่น เอดดี้ เป็นขาโจ๋ตัวเอ้มีเรื่องอยู่บ่อยๆ ถึงขนาดถูกจับถึง 2 ครั้ง และมักทำตัวเกเรอยู่จนถูกพ่อทำโทษด้วยวิธีแบบเอเชียๆ นั่นคือบังคับให้คุกเข่าบนถนนนานหลายชั่วโมง

แต่ถึงขนาดนี้ก็ยังผลักดันตัวเองจนเรียนจบมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก และโรลลินส์ คอลเลจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความเข้มงวดกวดขันของพ่อแม่ที่แม้จะแสวงหาความสำเร็จแบบอเมริกัน แต่ก็ยังเลี้ยงลูกแบบคนจีน คือ กวดขันด้านการเรียนและหวังให้ลูกมีงานดีๆ ทำ

เอดดี้ ไม่ทำให้พ่อของเขาผิดหวังเพราะต่อมาเขาสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานทนายความชื่อดังและเก่าแก่อย่าง Chadbourne & Parke ในนิวยอร์ก

แต่แล้วความสำเร็จแบบสำเร็จรูปกลับมีช่วงอายุที่แสนสั้น เมื่อเขาถูกเลย์ออฟในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008

หลังจากนั้น เอดดี้ ทำงานสะเปะสะปะและใช้ชีวิตไร้หลัก ผ่านการเป็นตลกคาเฟ่ นายหน้าค้ากัญชา เจ้าของร้านขายเสื้อผ้า จนกระทั่งมาถึงอาชีพพ่อครัวและเจ้าของร้านซาลาเปาขนาดย่อมที่ชื่อว่า BaoHaus เข้างัดวิทยายุทธ์การทำอาหารจีนที่เรียนแบบครูพักลักจำมาจากแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นยังมีโอกาสได้เรียนวิชาทำครัวจากเชฟหลากหลายคนจากหลากหลายแนวทาง ยังไม่นับทักษะการบริหารร้านที่เรียนรู้จากพ่อ

จากไต้หวันถึงอเมริกา จอมซ่าราชาซาลาเปา นักแสดงในเรื่อง Fresh Off The Boat ภาพโดย Andrew Toth/Getty Images/AFP

ในที่สุด เอดดี้ ก็พบเส้นทางที่ตัวเองค้นหามานาน และร้าน BaoHaus ทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะดาวรุ่งดวงใหม่ในวงการอาหาร จนกระทั่งกลายเป็นไอคอนประจำช่อง Munchies หนึ่งในเครือ Vice สื่อยอดนิยมทางเลือกใหม่ การปรากฏตัวของ เอดดี้ ในช่อง Munchies ช่วยให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ไม่เฉพาะในเรื่องอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลกวนๆ แบบชาวฮิปฮอปที่ดูขัดแย้งกับหน้าตาติ๋มๆ แบบเอเชีย

แต่ที่สร้างชื่อให้เขาแบบจริงๆ จังๆ คือ Fresh Off The Boat เวอร์ชั่นหนังสือ และเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นความภาคภูมิใจของเขาและชาวเอเชีย เพราะเป็นซิทคอมที่ว่าด้วยครอบครัวชาวเอเชียเรื่องแรกในรอบ 20 ปี ที่ปรากฏตัวในสถานีโทรทัศน์ชั้นนำในสหรัฐ และเป็นเรื่องที่ 3 เท่านั้นที่ปรากฏในเครือข่ายทีวีของประเทศ

ความตั้งใจของเขาไม่ใช่การทำให้ตัวเองดัง แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติผิดๆ เกี่ยวกับเชื้อชาติที่ยังเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐ และต้องการให้สาธารณชนได้รับรู้วิถีชีวิตของชาวเอเชียอพยพแบบตรงไปตรงมาโดยปราศจากอคติ

แม้จะเป็นภารกิจชิ้นเล็กๆ ของพ่อครัวจอมซ่า แต่มันสามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้มากพอดูเลยทีเดียว