posttoday

ทูต "วีรชัย" ถึงแก่อนิจกรรม

16 มีนาคม 2562

สูญเสียทูต วีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมต่อสู้คดีเขาพระวิหาร

สูญเสียทูต วีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมต่อสู้คดีเขาพระวิหาร

มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ด้วยโรคมะเร็งไขกระดูกเมื่อเวลา 00.43 น. ณ กรุงวอชิงตัน ที่โรงพยาบาล Johns Hopkins Medicine เมือง Baltimore มลรัฐ Marylandหรือตรงกับ 11.43 น เวลาประเทศไทย สิริรวมอายุได้ 58 ปี

สำหรับนายวีรชัย พลาศรัย เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2503 เป็นที่รู้จักต่อสังคมไทยจากการทำหน้าที่หัวหน้าทีมต่อสู้คดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลก

ทูต "วีรชัย" ถึงแก่อนิจกรรม

ท่านทูตวีรชัย จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รุ่น12) เข้าศึกษาต่อยังคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ก่อนที่จะไปเปลี่ยนไปศึกษาต่อ ระดับปริญญาตรี และปริญญาโท มหาวิทยาลัยปารีส (นองแตร์) ระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส ชีวิตส่วนตัวสมรสกับนางอลิซเบธ พลาศรัย 

ประวัติการทำงานท่านทูตวีรชัย เริ่มทำงานในตำแหน่งเลขานุการตรี กองแอฟริกา และกลุ่มอาหรับ 1 เมษายน พ.ศ. 2547

ตำแหน่งรองอธิบดีกรมเศรษฐกิจ 3 มีนาคม พ.ศ. 2549 ตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวง

19 สิงหาคม พ.ศ. 2551 อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย (นักบริหาร 10) และกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

 

ทูต "วีรชัย" ถึงแก่อนิจกรรม

 

พ.ศ. 2552 ท่านทูตวีรชัย ได้เข้ารับตำแหน่งในฐานะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (ณ กรุงเฮก)

จากนั้นเข้ารับตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ท่านทูตวีรชัยยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับสูงในต่างประเทศ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “The Order of the Orange - Nassau” ชั้นตรา “Knight Grand Cross” ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม - อเล็กซานเดอร์ แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การจากไปของเอกอัครราชทูตวีรชัยฯ นับเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการทูตที่สำคัญของไทยที่เป็นที่นับถือในวงการระหว่างประเทศ