posttoday

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์

28 กุมภาพันธ์ 2562

เปิดเทียบศักยภาพแสนยานุภาพทางทหารของสองชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียใต้

เปิดเทียบศักยภาพแสนยานุภาพทางทหารของสองชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียใต้

ความขัดแย้งระหว่างอินเดีย กับ ปากีสถาน ซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจผู้ที่ครอบครองนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่ ในประเด็นความเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดนแคว้นชัมมูร์และแคชเมียร์ ซึ่งเป็นดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างปากีสถานซึ่งเป็นชาติมุสลิม กับอินเดียซึ่งเป็นชาติฮินดูนั้นนับว่าเป็นความขัดแย้งที่สั่งสมกันมานานกว่า 6 ทศวรรษที่รอวันปะทุกลายเป็นสงครามอีกครั้ง จากประเด็นที่ทั้งสองชาติไม่สามารถตกลงกันได้ว่าอธิปไตยเหนือดินแดนแห่งนี้นั้นเป็นของชนชาติใด

 

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์ ทะเลสาบในเมืองศรีนาการ์ ของแคชเมียร์

 

ย้อนกลับไปช่วงก่อนปี 1947 ก่อนที่อังกฤษจะส่งมอบเอกราชให้กับสองชาตินั้น ดินแดนแคชเมียร์แห่งนี้ปกครองโดยมหาราชาซึ่งเป็นเชื้อสายฮินดู และมีผู้ถูกปกครองส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิม อังกฤษจึงปล่อยให้แคชเมียร์ตัดสินใจเองว่าจะเข้าผนวกดินแดนรวมกับชาติใด แต่ชาวมุสลิมจากปากีสถานรุกรานแคชเมียร์ก่อน เนื่องจากต้องการปกป้องพี่น้องชาวมุสลิมซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของแคชเมียร์ ส่งผลให้มหาราชาแห่งแคชเมียร์ซึ่งเป็นชาวฮินดู หันไปขอความช่วยเหลือจากอินเดียจนในที่สุดพระองค์จึงยอมมอบดินแดนสวรรค์แห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย โดยทางฝ่ายปากีสถานคัดค้าน และอ้างว่าเป็นการทำข้อตกลงที่เป็นเท็จจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการขัดแย้งอันยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ

 

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์ ซากเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียตกในเขตปากีสถาน

ความขัดแย้งระหว่างสองชาติเกี่ยวกับประเด็นอธิปไตยแคชเมียร์นี้ปะทุเรื่อยมาจนกลายเป็นการสู้รบใหญ่มาแล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1971 โดยผลลัพธ์ของความขัดแย้งในครั้งนั้นส่งผลให้มีการแบ่งเขตหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีความขัดแย้งย่อยๆในหลายประเด็นเรื่อยมา ครั้งล่าสุดนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมากลุ่มติดอาวุธมุสลิม JeM ได้โจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจของอินเดีย จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ราย

 

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์ ซากเฮลิคอปเตอร์กองทัพอินเดียตกในเขต Budgam

 

การโจมตีครั้งนี้ได้จุดประกายความขัดแย้งให้ทั้งฝ่ายอินเดียและปากีสถานกันอีกครั้ง โดยต่างฝ่ายต่างผลัดกันโจมตีไปมา ทั้งนี้หากเปรียบเทียบศักยภาพทางทหารของทั้งสองฝ่ายในปัจจุบันนั้นนับว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมหาอำนาจผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่ นับว่ามีส่วนได้เปรียบ-เสียเปรียบกันอยู่ไม่น้อย

 งบประมาณทางทหาร

 ในปี 2018 ที่ผ่านมาอินเดียได้ทุ่มจัดสรรงบทางทหารอยู่ที่ราว 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อย 2.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขณะที่มีกองกำลังทหารประจำการอยู่ในกองทัพราว 1.4 ล้านนาย

ส่วนปากีสถานั้น ได้จัดสรรงบทางทหารอยู่ที่ราว 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ นอกจากนี้ยังได้รับการช่วยเหลือด้านการทหารจากต่างชาติราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกองกำลังทหารประจำการในกองทัพราว 653,000 นาย

 

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์ กองทัพอินเดียขณะซ้อมรบที่รัฐราชสถานเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019

 

ขีปนาวุธและนิวเคลียร์

ทั้งสองประเทศล้วนเป็นชาติผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่

สำหรับอินเดียนั้นครอบครองขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 9 ประเภท หนึ่งในนั้นรวมถึงขีปนาวุธรุ่น "อัคนี-3" ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลถึง 5,000 กิโลเมตร

ส่วนโครงการขีปนาวุธของปากีสถานนั้นได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากจีน รวมถึงขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง อย่างจรวด Shaheen-II ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลราว 2,000 กิโลเมตร

อย่างไรก็ดีจากข้อมูลของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์มระบุว่า ปากีสถานครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากถึง 140-150 หัวรบ ขณะที่อินเดียครอบครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ที่ 130-140 หัวรบ

กองทัพบก

อินเดียมีทหารบกประจำการในกองทัพมากอย่างน้อยราว 1.2 ล้านนาย กองทัพบกอินเดียครอบครองรถถังมากถึง 3,565 คัน ยานเกาะอีก 3,100 คัน ปืนใหญ่ 9,719 กระบอก

ส่วนกองทัพบกของปากีสถานมีขนาดเล็กกว่าด้วยกำลังพลราว 560,000 นาย รถถัง 2,496 คัน และปืนใหญ่ 4,472 กระบอก

อย่างไรก็ดีแม้กองทัพอินเดียจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่จากข้อมูลของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระบุว่า ยุทโธปกรณ์หลายชนิดของกองทัพอินเดียมีสภาพเก่าและขาดการบำรุงรักษา

 

เปรียบมวย อินเดีย vs ปากีสถาน เทียบแสนยานุภาพสองชาติชิงแคชเมียร์ กองทัพอินเดียขณะซ้อมรบที่รัฐราชสถานเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019

 

กองทัพเรือ

กองทัพเรืออินเดียประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือดำน้ำ 16 ลำ เรือพิฆาต 14 ลำ เรือประจัญบาน 13 ลำ เรือลาดตระเวน 106 ลำ และเรือประจัญบานชายฝั่งอีก 75 ลำ มีกำลังพลในกองทัพเรืออีก 67,700 นาย

ส่วนกองทัพเรือปากีสถานนั้นมีขนาดเล็กกว่าโดยมีเรือรบแบบ frigate 9 ลำ เรือดำน้ำ 5 ลำ เรือลาดตระเวนและเรือชายฝั่ง 17 ลำ

กองทัพอากาศ

กองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินรบหลายรุ่นทั้งเก่าและใหม่รวมกัน 814 ลำ โดยจำนวนนี้เป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่าแบบ MiG-21 ซึ่งใช้มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 และเตรียมจะปลดประจำการเร็วๆนี้ ทางกองทัพอินเดียจึงต้องการเครื่องบินรบรุ่นใหม่ๆอีกอย่างน้อย 750 ลำ เพื่อเข้าประจำการในฝูงบินทั้งหมด 42 ฝูง ขณะที่มีกำลังพลในกองทัพราว 127,000 นาย

ด้านกองทัพอากาศปากีสถานมีเครื่องบินรบรวม 464 ลำ ในจำนวนนี้ได้รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์จากทั้งจีนและสหรัฐ โดยยุทโธปกรณ์จากจีนเป็นเครื่องบินรบแบบ F-7PG จำนวน 100 ลำ และเตรียมสั่งซื้อเพิ่มอีก 50 ลำ เครื่องบินรบแบบ Chengdu J-7 อีก 139 ลำ

ส่วนยุทโธปกรณ์จากสหรัฐเป็นเครื่องบินรบแบบ F-16  Fighting Falcon ของสหรัฐอีก 45 ลำ  และยังมีเครื่องบินโจมตีแบบ Mirage III และ Mirage 5 รวมกันอีก 180 ลำ นอกจากนี้ปากีสถานยังมีเครื่องบินระบบการเตือนและควบคุมอากาศล่วงหน้า (AEWC) ถึง 8 ลำ มากกว่าอินเดียที่มีแค่ 5 ลำ