posttoday

สหรัฐจ่อมหาอำนาจน้ำมัน

26 มกราคม 2562

นักวิเคราะห์คาดอุตสาหกรรมเชลออยล์เฟื่องฟู ดันสหรัฐใกล้ขึ้นแท่นมหาอำนาจพลังงานโลกแซงเบอร์ 2 และเบอร์ 3 รวมกัน

นักวิเคราะห์คาดอุตสาหกรรมเชลออยล์เฟื่องฟู ดันสหรัฐใกล้ขึ้นแท่นมหาอำนาจพลังงานโลกแซงเบอร์ 2 และเบอร์ 3 รวมกัน

บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานไรสตัด เปิดเผยว่า สหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการขึ้นเป็นมหาอำนาจพลังงานโลก โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียรวมกัน ภายในปี 2025 นี้ โดยภายใน 6 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะทะลุ 24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นการประเมินบนฐานราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

รายงานระบุว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐได้รับการขับเคลื่อนหลักมาจากกลุ่มน้ำมันจากชั้นหินดินดาน หรือเชลออยล์ ตามแหล่งเปอร์เมียน และบางพื้นที่ในรัฐเทกซัสกับนิวเม็กซิโก

“การเติบโตของสหรัฐอาจชะลอตัวลงมา หากราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่าฐานที่เราใช้ประเมินไประยะหนึ่ง แต่ตราบใดที่ราคาน้ำมันยังอยู่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์ ก็ยังมีแนวโน้มที่จะผลิตได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้” อาร์เทม อบรามอฟ นักวิเคราะห์ของไรสตัด กล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐได้แซงรัสเซียและซาอุดิอาระเบียขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันเบอร์ 1 ของโลก มาตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมาแล้ว จากการกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเชลออยล์ ซึ่งสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล/วัน

ล่าสุด อีไอเอ ระบุว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ จะทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงานสุทธิ ในปี 2020 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปีของสหรัฐ

ในรายงานแนวโน้มพลังงานประจำปีของอีไอเอ ระบุว่า สหรัฐจะเริ่มส่งออกพลังงานมากกว่าที่นำเข้ามา ท่ามกลางการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคน้ำมันในประเทศที่จะทยอยปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นการขยับเข้าสู่ประเทศส่งออกพลังงานสุทธิเร็วขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ปีที่แล้วว่า จะทำได้ภายในปี 2022 นอกจากนี้ อีไอเอคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นทุบสถิติใหม่ทุกปีไปจนอย่างน้อยอีกเกือบ 10 ปี หรือจนถึงปี 2027

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งมีความเสี่ยงที่รัฐบาลประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร จะถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันเพื่อบีบให้ลงจากตำแหน่ง และจะกระทบต่อสมดุลน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) ตามมา โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ขยับขึ้น 53 เซนต์ อยู่ที่ 53.66 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนต์ ขยับขึ้น 53 เซนต์ อยู่ที่ 61.62 ดอลลาร์/บาร์เรล