posttoday

ถอย‘เมดอินไชน่า 2025’ ปักกิ่งยอมผ่อนศึกค้าสหรัฐ

14 ธันวาคม 2561

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลจีนหลายคนเห็นด้วยกับการเสนอให้ปรับนโยบายเมด อิน ไชน่า 2025 และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นรัฐเป็นหลัก

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

การประกาศยุทธศาสตร์ “เมด อิน ไชน่า 2025” ของทางการจีนตั้งแต่ปี 2015 ที่ผ่านมา นับเป็นเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่หวังผลักดันจีนขึ้นสู่ผู้นำของโลกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ สารสนเทศ และรถยนต์พลังงานสะอาด ในขณะที่จีนกำลังปรับสถานะจากโรงงานผลิตสินค้าราคาถูก ไปสู่ประเทศชั้นนำของยุคเศรษฐกิจใหม่

อย่างไรก็ดี ยุทธศาสตร์นี้กำลังถูกท้าทายอย่างหนักจากสหรัฐ ในยุคประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีนมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังร่างแผนเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนเมด อิน ไชน่า 2025 และวางแผนเริ่มใช้นโยบายใหม่ตั้งแต่ปีหน้า ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในการเจรจาสงบศึกสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังการตกลงสงบศึกชั่วคราว 90 วัน

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลหลายคนเห็นด้วยกับการเสนอให้ปรับนโยบายเมด อิน ไชน่า 2025 และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นรัฐเป็นหลักด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ หลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ วิจารณ์ว่า ยุทธศาสตร์นี้ได้สร้างปัญหาตามมา เช่น การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของรัฐบาล ทำให้เกิดการผลิตส่วนเกินมหาศาลในแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จีนยังวางแผนประกาศนโยบายสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น สำหรับรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน และบริษัทต่างชาติ เพื่อดึงบริษัทเอกชนต่างชาติเข้าตลาดมากขึ้นด้วย

ขณะที่ไชน่า อินฟอร์เมชั่น นิวส์ สื่อทางการจีน รายงานอ้างเอกสารที่คณะรัฐมนตรีจีนมอบนโยบายให้รัฐบาลท้องถิ่นทุกช่วงปลายปี ซึ่งในปีนี้มีสิ่งที่ต่างออกไปจากเมื่อปี 2016 ก็คือ ครม.จีนระบุเพียงว่าจะมุ่งสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นที่สามารถส่งเสริมการเติบโตและการยกระดับอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน แต่ไม่ได้ย้ำให้รัฐบาลท้องถิ่นส่งเสริมนโยบาย เมด อิน ไชน่า 2025 และการเติบโตของอุตสาหกรรมและภาคการผลิตเหมือนครั้งที่ผ่านมา

หากแผนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ความเคลื่อนไหวนี้จะถือว่าเป็นความสำเร็จของเอกชนต่างชาติ และเป็นการแสดงให้สหรัฐเห็นว่าจีนดำเนินการอย่างจริงจังในการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจภายในประเทศ

อย่างไรก็ดี เจเรมี วอเตอร์แมน ประธานศูนย์จีนของหอการค้าสหรัฐ กล่าวว่า การคลายความกังวลของทั่วโลกที่มีต่อนโยบายเมด อิน ไชน่า 2025 ควรเป็นเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ใช่การออกสโลแกนหรือกำหนดกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งจีนควรกำหนดมาตรฐานสำหรับประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องการอุดหนุน การกำหนดมาตรฐาน กระบวนการจัดซื้อ และอื่นๆ


เร่งซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐ

บลูมเบิร์ก รายงานอ้างสภาผู้ส่งออกถั่วเหลืองสหรัฐ ว่า ซิโนเกรน รัฐวิสาหกิจรับซื้อถั่วเหลืองของจีน และคอฟโค บริษัทอาหารรายใหญ่ของจีน จะสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ ซึ่งสภาผู้ส่งออกถั่วเหลืองสหรัฐ ระบุว่า จีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐไปแล้ว 1.5-2 ล้านตัน

การกลับมาซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐ นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการคลายศึกสงครามการค้า หลังจีนตกลงเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ได้จากการหารือระหว่างทรัมป์ และสี นอกรอบการประชุมสุดยอด จี20 ขณะที่จีนกำลังวางแผนลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ เหลือ 15% จากเดิม 40%

สัญญาณที่ดีจากการสงบศึกสงครามการค้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียปิดบวกวานนี้ โดยดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดบวก 0.99% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปิดบวก 1.23% และดัชนีฮั่งเส็ง ปิดบวก 1.18% ตามรอยตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ปิดบวกไปก่อนหน้านี้เช่นกัน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.64% ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ปิดบวก 0.54% และดัชนีแนสแด็ก ปิดบวก 0.95%

ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองของจีน (โปลิตบูโร) ซึ่งมีประธานาธิบดี สี นั่งเป็นประธาน ระบุว่า จีนจะรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่มั่นคง และจะส่งเสริมการปฏิรูปต่อไป ก่อนการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ เซาท์ ไชน่า มอนิ่ง โพสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ระหว่างการประชุมจีนจะพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งรวมถึงเพิ่มสัดส่วนขาดดุลงบประมาณให้มากกว่า 2.4% ของจีดีพีในปีนี้ และจะมีการลดภาษีวงเงินมากกว่าเดิมที่ 1.2 ล้านล้านหยวน เช่นเดียวกับมาตรการอื่นๆ รวมถึงการลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคาร และอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วย