posttoday

ยูเนสโกขึ้นทะเบียน เทพเจ้าปีศาจญี่ปุ่น เป็นมรดกโลก

30 พฤศจิกายน 2561

"นามะฮะเงะ" เทศกาลเทพเจ้าปีศาจอันน่ากลัวของเด็กๆญี่ปุ่น ได้รับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโก

"นามะฮะเงะ" เทศกาลเทพเจ้าปีศาจอันน่ากลัวของเด็กๆญี่ปุ่น ได้รับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโก

เจแปนไทม์รายงานว่า วานนี้ (29 พ.ย.) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณามรดกโลก ขององค์การยูเนสโก ณ เมืองพอร์ตลูอิส ประเทศมอริเชียส ได้ประกาศรับรองให้ นามะฮะเงะ เทศกาลเทพเจ้าปีศาจ แห่งอะกิตะ ในจังหวัดอะกิตะ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (intangible cultural heritage) อย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับ นามะฮะเงะ นั้นเป็นเทพเจ้าที่มีลักษณะเป็นครึ่งคน ครึ่งปีศาจ และเป็นที่หวาดกลัวของเด็กญี่ปุ่นหลายคน  นามะฮะเงะเป็นเทพเจ้าตามตำนานความเชื่อในท้องถิ่นของเมืองโอกะ ในจังหวัด อะกิตะ ซึ่งเทพเจ้า นามะฮะเงะ ไม่เพียงเป็นแค่ปีศาจเท่านั้นแต่ยังเป็นเทพเจ้าประจำเมืองโอกะด้วย

ความสำคัญของเทศกาลคือช่วงระหว่างคืนก่อนวันที่ 31 ธันวาคมถึงวันที่ 15 มกราคมนั้น บรรดาชายในหมู่บ้านจะแต่งกายด้วยชุดฟาง สวมหน้ากากเทพเจ้านามะฮะเงะ ออกอาละวาดไปตามหมู่บ้านของเมือง พร้อมกับถือมีดดาบไม้ ไปเคาะตามบ้านที่มีเด็กเล็กๆอาศัยอยู่ เพื่อสำรวจว่าบ้านไหนมีเด็กที่ทำตัวไม่ดีในปีที่ผ่านมา ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก็จะต้อนรับบรรดาปีศาจด้วยการนำสาเกมาเลี้ยง พร้อมกับสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวให้ปลอดภัย และสุขภาพดี ขณะที่เด็กๆก็จะให้สัญญาว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม

 

ยูเนสโกขึ้นทะเบียน เทพเจ้าปีศาจญี่ปุ่น เป็นมรดกโลก

 

รายงานระบุว่า วัฒนธรรมพื้นบ้านดังกล่าวนับเป็นกุศโลบายในการสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว และการปลูกฝังจิตสำนึกต่อสังคมด้วย อย่างไรก็ดีเทศกาลดังกล่าวนั้นกำลังถูกท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เมื่อหลายครอบครัวรุ่นใหม่ๆ กลับไม่ต้องการให้นามะฮะเงะไปเยี่ยมบ้านพวกเขา เนื่องจากไม่อาจทนเห็นบุตรหลานของตนต้องร้องไห้เสียขวัญจากรูปลักษณ์อันน่ากลัวของนามะฮะเงะได้  อีกทั้งผู้ปกครองบางคนยังมองว่า มันเป็นการลงโทษเด็กๆด้วยคำพูด และท่าทางที่ดูเหมือนเด็กๆกำลังถูกคุกคาม

ด้าน Mikio Miura หัวหน้ากลุ่มอนุรักษ์เทศกาลนามะฮะเงะ ผู้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดังกล่าวมากว่า 40 ปี ระบุว่า "เขาหวังว่าการรับรองในครั้งนี้จะสร้างพลวัตทางสังคมให้ผู้คนรุ่นหลังๆยังคงอนุรักษ์เทศกาลนี้ต่อไป"

ภาพ : KYODO