สหรัฐ-จีนลุยถกการค้า

รมว.พาณิชย์สหรัฐถกการค้ากับจีนวันนี้ หวั่นบรรลุข้อตกลงยากหลังสหรัฐตั้งเซฟการ์ด

รอยเตอร์สรายงานว่า วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐจะหารือกับ หลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีของจีนในวันนี้ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ

รายงานระบุว่า รอสส์คาดว่าจะขอให้จีนเห็นพ้องนำเข้าสินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์จากสหรัฐเพิ่มในระยะยาว เพื่อลดการขาดดุลลง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.3 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2020 ตามที่สหรัฐเคยประกาศไว้ รวมถึงจะขอให้จีนเพิ่มการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และยุติการอุดหนุนการผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมซึ่งส่งผลให้เกิดการผลิตเกินปริมาณในขณะนี้

อย่างไรก็ดี รายงานระบุว่าการเจรจาบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปได้ยากจากการที่สหรัฐประกาศตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมกับสหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา และเม็กซิโก ไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ทั่วโลก และหลังสหรัฐประกาศว่าจะเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะตั้งกำแพงภาษี 25% วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) และประกาศรายละเอียดกฎควบคุมการลงทุนจากจีนในสหรัฐภายในเดือนนี้

"นับเป็นความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่สหรัฐตั้งภาษีโจมตีเพื่อนและพันธมิตรของเรา ในช่วงเวลาที่เรากำลังต้องการประเทศเหล่านั้นมาร่วมกดดันจีนเรื่องนโยบายต่างๆ ที่ทำให้เราทั้งหมดเสียเปรียบช่วงที่ผ่านมา" วิลเลียม ไรช์ ที่ปรึกษาอาวุโสจากศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศของสหรัฐ กล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐและจีนมีแนวโน้มตกลงกันได้ยากในประเด็นเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงกรณีแซดทีอี บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ที่โดนแบนทำธุรกิจกับเอกชนสหรัฐ 7 ปี

ล่าสุดนั้น รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลทรัมป์อาจสั่งให้แซดทีอีจ่ายค่าปรับอีกประมาณ 1,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.4 หมื่นล้านบาท) ปรับเปลี่ยนบอร์ดบริหารภายในเวลา 30 วัน เพื่อควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ ก่อนจะอนุญาตให้แซดทีอีกลับมาทำธุรกิจกับสหรัฐได้ใหม่

แหล่งข่าวเกี่ยวข้องยังเปิดเผยว่า สหรัฐต้องการให้แซดทีอีจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายการกำกับดูแลใหม่ และต้องการ ส่งคณะผู้แทนสหรัฐเข้าตรวจสอบ สำนักงานของแซดทีอี โดยไม่ต้อง ดำเนินการผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลจีน