posttoday

สหรัฐหวงวิชาจำกัดวีซ่าจีนเรียนไฮเทค

01 มิถุนายน 2561

ทรัมป์เล็งหั่นวีซ่า นศ.จีนที่พำนักในสหรัฐ หวังสกัดก็อปปี้ทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัมป์เล็งหั่นวีซ่า นศ.จีนที่พำนักในสหรัฐ หวังสกัดก็อปปี้ทรัพย์สินทางปัญญา

สัมพันธ์สหรัฐ-จีนส่อตึงเครียด หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐแถลงว่า ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ทางสหรัฐจะใช้นโยบายใหม่ในการควบคุมวีซ่านักศึกษาจีน ด้วยการจำกัดระยะเวลาผู้ที่เดินทางมาศึกษาต่อด้านเทคโนโลยีในสหรัฐ เพื่อป้องกันมิให้จีนส่งคนมาลอกเลียนเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญา

หลังจากนี้ ทางสถานกงสุลหรือสถานทูตสหรัฐจะพิจารณาลดเวลาที่นักศึกษาจีนจะพำนักในประเทศ จากเดิมที่จะให้โอกาสพำนักอยู่ในสหรัฐยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเล่าเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาที่จะเข้ามาเรียนด้านหุ่นยนต์ อากาศยาน และภาคการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในสหรัฐเพียง 1 ปี

 

สหรัฐหวงวิชาจำกัดวีซ่าจีนเรียนไฮเทค

 

สาเหตุที่รัฐบาลทรัมป์จับตานักศึกษาสายนี้เป็นพิเศษ เพราะจีนประกาศผลักดันให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อากาศยาน และการผลิตสายไฮเทค เป็นอุตสาหกรรมหลักภายใต้แบรนด์ Made in China ภายในปี 2025 นับเป็นการประกาศตัวเป็นคู่แข่งของสหรัฐโดยตรง

ไม่เพียงเท่านั้น ชาวจีนที่ต้องการเข้ามาทำงานเป็นนักวิจัยหรือผู้จัดการบริษัทในสหรัฐ จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบละเอียดยิบ จากหน่วยงานสหรัฐหลายหน่วย โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ระบุข้อกำหนดเอาไว้แล้ว คาดว่าชาวจีนที่จะเข้ามาทำงานในลักษณะดังกล่าว จะใช้ระยะเวลานานหลายเดือนกว่าจะผ่านการตรวจสอบ

 

สหรัฐหวงวิชาจำกัดวีซ่าจีนเรียนไฮเทค

 

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ได้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ระยะเวลาสูงสุดที่นักศึกษาจีนจะได้รับอนุญาตให้พำนักในสหรัฐคือ 5 ปี และกระบวนการการขอวีซ่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เจ้าหน้าที่กงสุลจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ทั้ง 2 ประเทศควรมีนโยบายที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนบุคลากร เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน แทนที่จะทำในทางตรงกันข้าม ด้าน ฉู่จ้าวฮุ่ย นักวิจัยอาวุโสของสถาบันศึกษาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน ชี้ว่า ท่าทีของสหรัฐมีเจตนาที่จะขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของจีน

 

สหรัฐหวงวิชาจำกัดวีซ่าจีนเรียนไฮเทค

 

ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่ส่งนักศึกษาไปยังสหรัฐมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของนักศึกษาจากทั่วโลกที่เรียนในสหรัฐจำนวน 1.1 ล้านคน รูดอล์ฟ พอดกอร์นิก แห่งมหาวิทยาลัยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งจีน เผยว่า นักศึกษาจีนในด้านเทคโนโลยีชั้นสูงในสหรัฐมีอยู่เป็นจำนวนมาก และถ้าใช้มาตรการกีดกัน จะทำให้มหาวิทยาลัยสหรัฐมีนักศึกษาเข้าเรียนไม่มากพอ

นอกจากความตึงเครียดด้านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ในเวลาเดียวกัน เจมส์ แมตต์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า จะมีการเปลี่ยนชื่อกองเรือแปซิฟิกของกองทัพเรือสหรัฐที่ปฏิบัติการในเอเชีย-แปซิฟิก โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "กองบัญชาการกองทัพเรือภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก" คาดว่าเพื่อแสดงความเป็นพันธมิตรในทางยุทธศาสตร์กับอินเดีย ในการตรึงอิทธิพลจีนไม่ให้ขยายตัวทะเลจีนใต้เข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ M2F

ภาพ : AP, AFP