posttoday

เผยควีนอังกฤษเกือบถูกเด็กวัยรุ่นนิวซีแลนด์ลอบปลงพระชนม์เมื่อ 37 ปีที่แล้ว

02 มีนาคม 2561

ราชการลับนิวซีแลนด์เผยบันทึกลับ เมื่อปี 1981 วัยรุ่นชายอายุ 17 ปี พยายามลอบปลงพระชนม์ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ขณะเสด็จเยือนนิวซีแลนด์

ราชการลับนิวซีแลนด์เผยบันทึกลับ เมื่อปี 1981 วัยรุ่นชายอายุ 17 ปี พยายามลอบปลงพระชนม์ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ขณะเสด็จเยือนนิวซีแลนด์

ดิเอ็กซ์เพรส - รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคมว่าหน่วยสืบราชการลับของทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ว่านายคริสโตเฟอร์ ลูวิส วัย 17 ปี วัยรุ่นชาวนิวซีแลนด์ผู้ซึ่งก่อเหตุยิงปืนขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิปส์ ดยุกแห่งเอดินเบอระ กำลังอยู่ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองดูเนดิน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมปี 1981 โดยการเสด็จเยือนในครั้งนี้อยู่ในช่วงการเสด็จเยือนประเทศในเครือจักรภพทั้ง 8 วันของทั้งสองพระองค์

 

เผยควีนอังกฤษเกือบถูกเด็กวัยรุ่นนิวซีแลนด์ลอบปลงพระชนม์เมื่อ 37 ปีที่แล้ว นายคริสโตเฟอร์ ลูวิส

 

 

รายงานระบุว่าตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นของนิวซีแลนด์ระบุว่า ในขณะที่สมเด็จพระราชินีและพระสวามีกำลังประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งภายหลังเกิดเหตุไม่นานตำรวจก็ได้จับตัวนายลูวิส โดยตามรายงานระบุว่า "นายลูวิสตั้งใจมีเจตนาลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระราชินี แต่ทว่าจุดซุ่มยิงไม่เหมาะสม และใช้ปืนที่มีระยะการยิงไม่ไกล จึงทำให้นายลูวิสพลาดเป้าทำปืนลั่นขึ้นมาเสียก่อน"

แต่รายงานของตำรวจท้องถิ่นระบุว่านายลูวิสไม่ได้มีเจตนาจะยิงสมเด็จพระราชินี และเขาถูกตั้งข้อหาเพียงพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายเท่านั้น

ในปีนั้นเรื่องราวดังกล่าวถูกทางการนิวซีแลนด์ปกปิดไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ในช่วงเสด็จพระราชดำเนินเยือน ขณะที่หนึ่งในฝูงชนที่เฝ้ารอรับเสด็จในเหตุการณ์ระบุว่า ตอนแรกคิดว่าเสียงที่ได้ยินมาจากรถตำรวจหรือเสียงรถชน

จากบันทึกของหน่วยราชการลับปี 1981 ระบุว่าตำรวจในท้องถิ่นดำเนินคดีนี้อย่างระมัดระวัง และสื่อมวลชนหลายแห่งต่างรายงานว่าเป็นเสียงของพลุระเบิดเท่านั้น

อย่างไรก็ดีภายหลังนายลูวิสได้รับการปล่อยตัวและเขาถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากหน่วยราชการลับ โดยเฉพาะในปี 1986 ที่สมเด็จพระราชินีเสด็จเยือนนิวซีแลนด์อีกครั้ง

หลังจากนั้นนายลูวิสได้ถูกตำรวจจับอีกครั้งหลังจากก่อเหตุฆาตกรรมและในปี 1997 เขาฆ่าตัวตายในเรือนจำ ขณะที่ด้านโฆษกตำรวจของนิวซีแลนด์ระบุว่าจะนำแฟ้มคดีดังกล่าวมาสอบสวนอีกครั้งเนื่องจากเป็นกรณีตัวอย่างในการศึกษา


ที่มา : https://www.express.co.uk/