ศก.จีนโตแกร่ง6.9% การผลิต-บริโภคฟื้นตัวดี

จีนเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 2 โตแกร่งกว่าที่คาด ด้านนักเศรษฐกิจยังมองขัดแย้งช่วงครึ่งปีหลัง

สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ปีนี้ว่า ขยายตัวได้ 6.9% หรือดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6.8% โดยเป็นผลจากภาคการผลิตและส่งออก ที่ปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับการบริโภคที่ฟื้นตัว โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 7.6% ในเดือน มิ.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกโตขึ้น 11% สะท้อนถึง การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก

ร็อบ ซับบารามาน จากโนมูระโฮลดิงส์ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าว สะท้อนว่าความพยายามลดหนี้ของ จีนมีการระมัดระวังไม่ให้ไปกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง ขณะที่นักวิเคราะห์ของซิติ เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่อาจน้อยกว่าในครึ่งปีแรกเล็กน้อยเนื่องจากมีฐานที่สูง พร้อมปรับขึ้นคาดการณ์ จีดีพีจีนในปีนี้เป็น 6.8% จากเดิมที่ 6.6%

อย่างไรก็ตาม จูเลียน อีวานส์ พริทชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์ด้านจีนจากแคปิตัล อีโคโนมิกส์ มองว่า สัญญาณบวกทางเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีแรกนี้อาจแผ่วลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมาตรการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินของจีน ที่พยายามลดการขยายตัวของหนี้ในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวกระทบจีดีพีในครึ่งปีหลังนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทจัดอันดับเครดิต ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้คงเครดิตจีนไว้ที่ระดับ A- แต่ได้ ส่งสัญญาณเตือนว่าปัญหาหนี้ของจีนที่ยังคงขยายตัว อาจเป็นชนวนให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและการเงินตามมาได้

ทั้งนี้ ทางการจีนเพิ่งประกาศเพิ่มอำนาจให้ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) มีอำนาจในการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศที่เน้นการกู้เงินไปซื้อกิจการในต่างประเทศ

ล่าสุดบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ทางการจีนมีแผนจะลงโทษตัดช่องทางเงินทุนบริษัท ต้าเหลียน วันดา กรุ๊ป ของมหาเศรษฐีอันดับ 2 ในจีน หวังเจี้ยนหลิน เนื่องจากพบว่าบริษัทได้ละเมิดกฎเรื่องการลงทุนในต่างประเทศใน 6 ดีล ทำให้รัฐบาลอาจดำเนินมาตรการลงโทษต่างๆ อาทิ การห้ามธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้ในโครงการดังกล่าว และห้ามบริษัทขายสินทรัพย์ดังกล่าวให้กับบริษัท ในประเทศ