posttoday

โลกเจ๊งทอง17ล้านล้าน

08 ตุลาคม 2556

ธนาคารกลางทั่วโลกลงทุนทองคำผิดพลาด หัวเรือใหญ่เคยเตือนแล้ว สูญเสียพุ่ง 17 ล้านล้านบาท

ธนาคารกลางทั่วโลกลงทุนทองคำผิดพลาด หัวเรือใหญ่เคยเตือนแล้ว สูญเสียพุ่ง 17 ล้านล้านบาท

บลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับในระหว่างขึ้นให้การคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจกับภาวะที่เกิดขึ้นกับราคาทองที่มีความผันผวนอย่างหนัก

รายงานระบุว่า ถ้าหากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกรับฟังความเห็นดังกล่าวบ้างก็อาจจะชะลอการลงทุนในทองคำลง ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียดังที่เห็นในปัจจุบันที่ธนาคารกลางทั่วโลกขาดทุนรวมไปแล้วกว่า 5.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 17.4 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 1,921.15 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปี 2011 ก่อนที่นับจากนั้นมาราคาได้ดิ่งเหวต่อเนื่องรวมแล้วถึง 31% มาจนถึงระดับราว 1,300 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน

“ไม่มีใครเข้าใจภาวะราคาทองคำที่เกิดขึ้น และผมก็จะไม่เสแสร้งว่าเข้าใจด้วยเช่นกัน” เบอร์แนนคี กล่าวต่อวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

ตามข้อมูลของสภาทองคำโลก ระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกนั้นครอบครองทองคำไว้ราว 18% ของทองคำทั้งหมดในโลก ซึ่งคาดว่าในปีนี้ปริมาณทองคำที่ธนาคารกลางต่างๆ ถือเอาไว้จะมีน้ำหนักรวมถึง 350 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ในปี 2012 ถือว่าเป็นปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกกว้านซื้อทองคำมากที่สุด คิดเป็นถึง 535 ตัน โดยธนาคารกลางรัสเซียถือเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุด โดยขยายการสำรองทองคำเป็น 20%

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ราคาทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดหมีในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ราคาทองคำได้ดิ่งลงต่อเนื่องคิดเป็นราว 21% มาอยู่ที่ระดับราคา 1,316.28 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการร่วงหล่นของราคาที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 ทีเดียว ทั้งๆ ในช่วงก่อนหน้านั้น ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นมาได้ 12 ปีติดต่อกันมาจนถึงปี 2012 นี่เอง

นักวิเคราะห์เห็นว่า เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกมักจะตัดสินใจผิดพลาดในช่วงเวลาของการลงทุนในทองคำ โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 1999 ธนาคารกลางทั่วโลกก็ลดการถือครองทองคำลงหลังจากที่ราคาดิ่งแตะจุดต่ำสุดในรอบ 20 ปี ก่อนที่ในปีถัดไปราคาจะกลับมาพุ่งขึ้นเป็น 4 เท่าตัวทีเดียว