ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (10)
อาหารเที่ยงและสายลมอ่อนๆ ในยามบ่าย ทำให้พวกเราเริ่มตกอยู่ในสภาวะ หนังท้องตึงหนังตาหย่อน
อาหารเที่ยงและสายลมอ่อนๆ ในยามบ่าย ทำให้พวกเราเริ่มตกอยู่ในสภาวะ หนังท้องตึงหนังตาหย่อน อยากจะยกเลิกรายการเที่ยวแล้วหาที่สงบพักสายตา แต่ก็ได้แค่คิด แล้วตั้ง GPS ไปยังเมืองหลวงเก่า Shuri ซึ่งห่างจากถนน Kokusai Dori ไม่เกิน 20 นาที ก่อนจะถึงที่หมาย ต้องผ่านโค้งเล็ก โค้งน้อยค่อยๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นมาบนเนินเขาเพื่อมายังศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรริวกิว
ปราสาทชูริตั้งอยู่ในย่านเมืองหลวงอันรุ่งเรืองของอาณาจักรริวกิว สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 จนถึงกลางศตวรรษที่ 14 เคยถูกเพลิงไหม้จากสงครามในปี ค.ศ. 1945 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ตามแบบเดิมในปี ค.ศ. 1992 จนเมื่อปี ค.ศ. 2000 จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นอกจากเป็นที่ประทับของกษัตริย์แล้ว ยังถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีจุดสักการะเทพเจ้าหลายแห่ง มีหอสังเกตการณ์ที่สามารถชมวิวเมืองนาฮะได้โดยรอบ และมีการจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นับเป็นสถานที่เที่ยวที่จะนำเราย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับอาณาจักรริวกิวได้อย่างลึกซึ้ง
เราขับรถขึ้นเนินมาจนเริ่มเห็นกำแพงหินอันเป็นอาณาเขตของปราสาท คงอีกไม่ไกลก็น่าจะถึงที่หมายแล้ว สำหรับที่จอดรถที่นี่มีทั้งแบบเสียเงินและจอดฟรี ถ้าเลือกจอดฟรีจะมีการจำกัดชั่วโมง เราเข้าทางประตูข้างของปราสาท จุดแรกต้องผ่านจุดแวะพักที่มีห้องน้ำ ห้องอาหาร และร้านไอศกรีม Blue Seal จากจุดแวะพัก เดินขึ้นมาก็เจอกับประตูทางเข้าด้านหน้า และซุ้มประตู Kankaimon ประตูหินขนาดใหญ่ก่อนเข้าไปยังตัวปราสาท ซื้อตั๋วแล้วรีบเข้าไปข้างในกันเถอะ
ลานขนาดใหญ่ใจกลางปราสาทที่เรียกว่า Una ประดับกระเบื้องสีขาวสลับส้มอมแดง ตรงกลางเป็นเส้นนำสายตาไปยังอาคารสีแดงที่มีลักษณะผสมประสานของจีนและญี่ปุ่น ประตูทางเข้าตกแต่งลวดลายวิจิตรบรรจง แม้ตอนนี้ตัวอาคารยังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม แต่ก็ไม่อาจบดบังความยิ่งใหญ่และงดงามไปแม้แต่น้อย ภาพตรงหน้าเป็นหนึ่งในภาพจำที่เป็นซิกเนเจอร์ของโอกินาวา เพราะที่นี่เป็นสถานที่มหานิยมที่สำแดงความเป็นโอกินาวาได้อย่างชัดเจน ทางเข้าตัวปราสาทอยู่ด้านขวา ภายในมีโซนจัดแสดงข้อมูลและโบราณวัตถุ เช่น เครื่องแต่งกาย ถ้วยชาม และอาวุธ มีมุมถ่ายรูปได้และห้ามถ่าย ต้องคอยดูป้ายบอกให้ดี แต่ถ้าพลาดก็ยังมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องอยู่ตลอดทาง โซนนี้มีห้องดื่มชาที่สามารถเข้าไปใช้บริการและชมวิวนอกปราสาทได้ด้วย เราเดินมาตามทางจนถึงอาคารท้องพระโรงที่เรียกว่า Saiden ชั้น 2 มีบัลลังก์ของกษัตริย์ที่ประดับประดาอย่างหรูหราวางอยู่กลางโถง ส่วนที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นที่ทรงงานและประกอบพระราชพิธี มีบัลลังก์แบบเรียบง่ายตั้งอยู่ด้วย โซนสุดท้ายเป็นห้องจัดแสดงข้อมูลที่มีโมเดลจำลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก การชมปราสาทชูรินั้นแตกต่างจากปราสาททั่วไปในญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ต้องปีนขึ้นบันไดไปจนถึงยอดปราสาท ผู้สูงวัยสามารถเดินชมได้เรื่อยๆ ท่านที่ใช้รถเข็นก็มีเส้นทางอำนวยความสะดวกสามารถชมได้ตลอดเส้นทางเช่นกัน หรือจะตามล่าสะสมตราประทับก็น่าสนุกไม่น้อยสำหรับนักเที่ยวรุ่นเยาว์
เราออกจากปราสาทตอนบ่ายแก่ๆ เที่ยวบินกลับของเราคือสามทุ่ม คำนวณแล้วยังพอมีเวลาเก็บที่เที่ยวสุดท้ายของทริปได้ รีบบึ่งไปยังเกาะ Senaga ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนาฮะเพียงแค่ 15 นาที มั่นใจว่าไม่มีการตกเครื่องแน่นอน เกาะแห่งนี้เหมาะกับการถ่ายรูปและเดินเล่นกินลมชมวิวก่อนกลับเป็นอย่างมาก เพราะมี Umikaji Terrace Sanagajima อาคารสีขาวรูปทรงเหมือนกล่อง มองผ่านๆ ชวนให้นึกถึงเกาะซานโตรินี่เลย เพราะตัวอาคารจะไล่เรียงลดหลั่นกันมาตามเนินเขาเตี้ยๆ มีร้านค้าเรียงรายตลอด ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม และร้านขายของที่ระลึก รอบๆ มีสวนหย่อมให้เดินเล่นจูงน้องหมา หรือจะวิ่งออกกำลังก็เหมาะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนโอกินาวาใช้พบปะสังสรรค์และพักผ่อนหย่อนใจ ตอนเราไปถึงเป็นช่วงเย็นพอดี พระอาทิตย์เริ่มทำท่าจะลาลับ ขอบฟ้าทอแสงสีทองไปทั่ว อาคารสีขาวที่ได้แสงยามเย็นสาดส่อง ดูโดดเด่นเป็นสง่ามาก บรรยากาศที่สุดแสนประทับใจแบบนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโลเกชั่นฮิปๆ ที่เหมาะจะมาถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ เสียดายเวลาน้อยไปนิด ไม่งั้นคงได้ดื่มด่ำบรรยากาศได้เต็มที่กว่านี้ได้เวลาที่เราต้องคืนรถกันแล้ว ก่อนจะคืนรถต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง เที่ยวกันไปทั้งหมด 5 วัน น้ำมันหมดถังพอดี เมื่อคืนรถเช็กความเรียบร้อยไม่มีรอยเฉี่ยวชน ก็นั่งรถบัสของบริษัทรถเช่าไปยังสนามบิน รถจะมาส่งที่อาคารขาออกInternational Terminal แต่อย่าลืมว่า Peach Airlines อยู่ฝั่ง Domestic ให้ลงมาชั้นแรก มองหาป้ายรถหมายเลข 4 เพื่อขึ้น ShuttleBus ฟรี ไปลงที่ Domestic Terminal แนะนำว่าเผื่อเวลาไว้ให้ดีเพราะช่วงเย็นคนค่อนข้างเยอะ พอถึง Domestic Terminal สามารถนำใบการจองตั๋วที่พรินต์มาสแกนเช็กอินได้เลย ก่อนจะเข้าไปยัง ตม. เขาจะให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่องด้วย ค่อนข้างซีเรียส ถ้าเกินมีปรับแน่นอน
ทริปนี้ได้เที่ยวโอกินาวาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน ด้วยกัน เที่ยวตั้งแต่โอกินาวาตอนเหนือ เก็บที่เที่ยวหลักๆ อย่าง Shuraumi Aquarium ไปเยือนเกาะที่เป็นตำนานความรัก อดัมกับอีฟ ฉบับโอกินาวาที่เกาะแห่งความรัก เที่ยวโอกินาวาตอนกลาง ด้วยการย้อนอดีตไปสมัยอาณาจักรริวกิวที่ริวกิวมูระ ดำน้ำดูปะการังที่แหลมมาเอดะ เดินเล่นชมวิวที่หมู่บ้านอเมริกัน ไล่เที่ยวจนมาถึงตัวเมืองนาฮะชมความยิ่งใหญ่ของปราสาทชูริ และไปที่ฮิปๆ อย่าง Umikaji Terrace แถมได้เที่ยวตอนใต้นิดๆ นั่งเรือข้ามไปเที่ยวเกาะ Kudaka ไปสัมผัสยันต้นกำเนิดการเกิดแผ่นดินโอกินาวากันเลยทีเดียว พูดได้เต็มปากว่าหลงรักโอกินาวาเข้าแล้วสิ สถานที่ที่สามารถสนุกท่ามกลางความสงบที่แสนเรียบง่าย บรรยากาศชิลๆ ผู้คนไม่รีบร้อน สังคมเมืองเล็กๆ ที่มีความยืดหยุ่น ผู้คนใจดีและเป็นมิตร ที่ชอบที่สุดคือ ความเงียบที่สบายใจท่ามกลางธรรมชาติ ที่ทำให้เราผ่อนคลายจริงๆ ได้ใช้เวลาอย่างช้าๆ ให้เวลาอยู่กับตัวเอง สามารถคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ได้
โอกินาวายังมีสถานที่อื่นๆ อีกหลายแห่งที่เรายังอยากไปค้นหาและทำความรู้จัก ไม่ลังเลใจเลยที่จะไปอีกครั้ง การเที่ยวด้วยการขับรถยิ่งทำให้เรามีอิสระที่จะวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวตามสไตล์ที่เป็นเรา สะดวกสบายไม่ต้องรีบร้อนได้ใช้เวลาละเมียดละไมเที่ยวได้อย่างเต็มที่ หวังว่าการบอกเล่าประสบการณ์เที่ยวในโอกินาวาของเรา จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคนได้บ้าง แต่อย่าเพิ่งรู้สึกดี และเชื่อไปเสียหมด จนกว่าคุณจะได้มาลองขับไปเที่ยวไปในโอกินาวา สัมผัสโอกินาวาด้วยตัวของคุณเอง