posttoday

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (5)

09 ธันวาคม 2561

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มขนาดนี้

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มขนาดนี้ เช้าที่ตื่นมา...โดยไม่ต้องรีบร้อนออกจากบ้านเพื่อไปเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องบนรถไฟ เช้าที่ตื่นมา...ไม่ต้องคิดพะวงเรื่องงานใดๆ เช้าที่ตื่นมา...สามารถนั่งจิบชาพร้อมกับมองวิวนอกหน้าต่างอย่างสบายใจ เช้าที่ตื่นมา...เตรียมตัวเองแล้วไปเที่ยวดั่งที่ใจต้องการ ความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงหยุดพักร้อนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เมื่อที่พักมีเครื่องครัวอำนวยความสะดวกเราเกือบทุกอย่าง เมื่อคืนเราจึงซื้อพวกขนมปัง เนย ผักสลัด เบค่อน มาทำอาหารเช้ากินกัน นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพราะปกติถ้ามาเที่ยวก็จะกินอาหารเช้าของที่พัก หรือไม่ก็ร้านสะดวกซื้อ แต่การที่เราซื้อวัตถุดิบมาทำกินเอง มันก็เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ

การเที่ยววันนี้เราก็มีคอนเซ็ปต์เหมือนเช่นเคย “เยือนอาณาจักรริวกิว ดำน้ำถ้ำสีฟ้า เดินเล่นยามเย็นที่หมู่บ้านอเมริกัน” เก็บกระเป๋าเช็กเอาต์พร้อมออกเดินทางย้อนเวลาไปสมัยอาณาจักรริวกิว ที่ Ryukyu Mura กันก่อน จากที่พักใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เราวางแผนไปชมพาเหรดรอบ 10 โมง เพราะถ้าพลาดรอบนี้ไป จะมีอีกรอบก็บ่าย 4 โมง ซึ่งช่วงบ่ายเรามีภารกิจที่จะต้องไปที่อื่นต่อ นอกเหนือจากพาเหรดก็ยังมีการแสดงอื่นๆ เหมือนกันนะ แต่สำหรับไฮไลต์ของที่นี่แล้ว ไม่ควรพลาดขบวนพาเหรด Michi June!

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (5)

อาณาจักรริวกิวเป็นอาณาจักรดั้งเดิมของเกาะโอกินาวา มีการปกครองด้วยตนเอง มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมเป็นของตัวเอง ก่อนที่จะรวมตัวเป็นหนึ่งในแผ่นดินญี่ปุ่นในปัจจุบัน Ryukyu Mura เป็นสถานที่เที่ยวที่จำลองความเป็นอยู่สมัยริวกิว จัดแสดงอาคารบ้านเรือนอายุกว่า 100 ปี มีโชว์การแสดง ทั้งยังมีกิจกรรมที่สามารถเข้าร่วมสนุกได้ เช่น การทำของที่ระลึกจากหอย การปั้นหรือระบายสีตัวซีซ่า การแต่งกายชุดริวกิว เป็นต้น พอเราไปถึง คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร เลยตรงไปที่โซนการแสดงก่อนเพื่อจับจองที่นั่ง ขบวนพาเหรด Michi June ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

แรกเริ่มจะเป็นการขับร้องเพลงพื้นบ้าน พร้อมกับดีด Sanshin เครื่องสายที่มีแค่ 3 สาย เป็นเครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของโอกินาวา เป็นการเปิดโชว์เรียกคนดูได้อย่างดี เสียงร้อง เคล้าเสียงดนตรีที่ดีดไปตามจังหวะ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองของบทเพลงได้ไม่ยาก สักพักขบวนพาเหรดค่อยๆ เดินเข้ามา มีนักแสดงแต่งชุดกษัตริย์ และข้าราชบริพาร พอกษัตริย์ไปถึงที่ประทับ ก็จะเริ่มการแสดงต่างๆ มีรำแบบดั้งเดิม และรำตีกลอง Eisa แต่โชว์ที่สร้างเสียงหัวเราะได้ดี ต้องยกให้โชว์ความสามารถของซีซ่า คล้ายๆ กับโชว์น้องหมา ปาลูกบอลให้ซีซ่าไปเก็บ แต่บางครั้งเจ้าซีซ่าก็ยียวนทำตัวทะเล้นไม่ไปเก็บบ้าง แกล้งคนนู้นทีคนนี้ที น่ารักน่าเอ็นดูมาก

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (5)

นอกจากซีซ่าที่สร้างเสียงหัวเราะแล้ว ยังมีคุณยายอายุกว่า 100 ปี แต่แข็งแรงมากยิ้มร่าเริงสดใสมีชีวิตชีวา มาทักทายส่งท้าย พอตอนจบทุกคนสามารถเข้าร่วมเต้นรำได้ เป็นอะไรที่ประทับใจมาก เพราะไม่ว่าคนดูจะอายุมากหรือน้อย ก็ไม่เคอะเขินให้ความร่วมมือเต็มที่ เต้นรำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามออกท่าทางไปตามเสียงเพลง นักแสดงเองก็เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ได้ดี คอยเชียร์คนดูให้มีส่วนร่วม จนจบโชว์ สามารถต่อแถวถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเหล่านักแสดงได้

อากาศร้อนขนาดนี้ต้องหาอะไรเย็นๆ ดับร้อนเสียหน่อย หลังลานแสดงมีร้านขายน้ำอยู่ใกล้ๆ เลยได้น้ำแข็งใส แถมได้ Popo เครปโอกินาวา มาเป็นตัวช่วยเพิ่มพลังเครปรูปร่างหน้าตาคล้ายกับขนมโตเกียวแผ่นใหญ่ แป้งแน่นๆ มีกลิ่นอ่อนๆ ของน้ำตาลทราย รสชาติใช้ได้เลยนะ เดินถัดมาเรื่อยๆ เป็นโซนเครื่องปั้นดินเผา มีของที่ระลึกมากมายหลายแบบ ออกมาก็จะเจอกับเจ้าควายน้ำกำลังเดินเครื่องคั้นน้ำอ้อยสดๆ เพื่อทำเป็นน้ำตาลดำซึ่งการใช้แรงควายน้ำเป็นกรรมวิธีดั้งเดิมในการทำน้ำตาลทรายดำของชาวริวกิว นอกจากนี้ยังมี Habu Center เป็นเสมือนแหล่งเรียนรู้งูพิษท้องถิ่น (Habu) สามารถทำความรู้จักงูชนิดนี้ได้จากตัวเป็นๆ หรือถ้าไม่กล้าก็สามารถดูเจ้างูนี่ได้ในโหลดองเหล้า (Habushu) ที่มักจะพบเห็นในร้านอาหารท้องถิ่นทั่วทั้งเกาะโอกินาวา

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (5)

แหม... มาโอกินาวาทั้งที จะพลาดกิจกรรมนี้ไปได้ยังไง เหมือนมาเที่ยวเกาะแต่ไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเลมันก็จะยังไงอยู่ มิชชั่นช่วงบ่ายนี้เราเลยไปดำน้ำกันที่แหลม Maeda ซึ่งเป็นจุดดำน้ำยอดนิยม สามารถดำน้ำแบบ Snorkeling และดำน้ำจริงจังได้ ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ ถ้ำสีฟ้า หรือ Blue Cave แต่ก่อนที่จะดำน้ำ เราต้องเพิ่มพลังกันเสียก่อน มื้อกลางวันนี้เราเลยแวะร้านอาหารท้องถิ่น เมนูที่เล็งไว้ คือ ซารุ โซเมน ที่ทำมาจากมันเทศม่วงของขึ้นชื่อของโอกินาวา จึงต้องจัดเสียหน่อย ภายในเซตยังเสิร์ฟคู่กับข้าวโปะหมูหวาน ไม่รู้ว่ามันคือซอสอะไรแต่รสชาติออกหวานเลยเรียกหมูหวานละกัน ถือว่ามื้อนี้เป็นการจัดหนักจัดเต็มไปเลย จะได้เพิ่มพลังในการดำน้ำได้อย่างเต็มที่

เราจองคอร์ส Snorkeling ถ้ำสีฟ้า บวกกับดำน้ำดูปะการังนิดหน่อย แถมถ่ายรูปให้ฟรีตลอดคอร์ส การจองก็ง่ายแค่กรอกข้อมูลต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและติดต่อกันทางอีเมลแล้วไปจ่ายเงินวันจริงได้เลย พอไปถึงแหลมมาเอะดะ ใครจองกับเจ้าไหนไว้ก็ให้มาติดต่อกับเจ้านั้นที่ลานจอดรถ แต่ละร้านดำน้ำจะเอารถมาจอด เปิดท้ายรถมีอุปกรณ์ดำน้ำ ชุด ตั้งป้ายบอกชื่อร้านของตัวเอง ไม่ได้เป็นการตั้งร้านถาวร รอบเวลาที่จองมีแค่เราสองคนเท่านั้น ดำน้ำครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่ไพรเวทมาก ทางเจ้าหน้าที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จึงทำให้การสื่อสารเป็นไปได้ง่าย ในระหว่างดำน้ำจะมีบอร์ดฟองน้ำให้เราเกาะพยุงตัวคนละชิ้น

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (5)

แล้วเจ้าหน้าที่จะค่อยๆ พาลัดเลาะไปตามหน้าผา จนถึงปากทางเข้าถ้ำที่ข้างในน้ำทะเลเป็นสีฟ้าจริงๆ แต่เป็นถ้ำเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้โอ่อ่าอลังการเมือง Blue Cave ชื่อดังในอิตาลี เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้เราเป็นที่ระลึก แล้วจึงพาออกมา เพราะคนเริ่มทยอยกันมาเยอะแล้ว พอออกจากถ้ำ ก็ไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ที่นี่ปลาเยอะมาก ทางเจ้าหน้าที่เตรียมอาหารปลามาให้ด้วย แถมดำลงไปข้างล่างเพื่อถ่ายรูปให้เราอีก ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีรูปเป็นที่ระลึก พี่แกทุ่มทุนถ่ายทุกโมเมนต์ มันจะต้องมีสักรูปที่ดีแน่นอน

แหลมมาเอดะ เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำไม่แข็งก็สามารถมาดำน้ำได้ เพราะระยะทางไม่ได้ไกลมาก เขาจะมีอุปกรณ์ให้จับ อย่างเช่น บอร์ดฟองน้ำหรือแพ ที่ช่วยให้เราลอยตัวไปพร้อมๆ กันไม่หลงไปไหน และเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากนั่งเรือไปเกาะรอบนอก หรือมีเวลาเที่ยวไม่กี่วัน อยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ๆ เดินทางง่าย นับว่าการดำน้ำที่นี่เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า ราคาก็ไม่แพง และเดินทางสะดวก หลังจากมิชชั่นคอมพลีตดำน้ำเรียบร้อย ก็ถึงเวลาล้อหมุนเดินทางไปเที่ยวที่ต่อไปกันดีกว่า